ความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่าง ฟอร์เร็กซ์ กับ Futures
ความได้เปรียบ Forex Futures
เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง YES NO
ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการเทรด* YES NO
มี leverage สูงถึง 1:400 YES NO
มีราคาที่แน่นอน YES NO
ความเสี่ยงมีจำกัด YES NO
สภาพคล่อง
ตลาด ฟอร์เร็กซ์ มีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้าน ๆ เหรียญต่อวัน เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ซึ่งถ้าเราเทียบ กันกับตลาดอื่นแล้ว ทำให้ปริมาณหรือขนาดของตลาดทุนอื่น ๆ ดูเล็กลงไปทันที ตลาดฟิวเจอร์เทรดอยู่ราว ๆ 30,000 ล้านเหรียญต่อวัน ตลาดฟิวเจอร์ไม่สามารถแข่งกับตลาดฟอร์เร็กซ์ เพราะมีปริมาณการเทรดที่จำกัด หมายความว่า ฟอร์เร็กซ์ ออร์เดอร์สามารถส่งคำสั่งใด ๆ ก็ตามได้ตลอดเวลา โดยปราศจากการคลาดเคลื่อนของราคา นอกจาก ในช่วงที่ตลาด มีความผันผวนสูงหรืออยู่ในภาวะที่ไมปกติเท่านั้น
เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ณ.เวลาบ่าย 2:15 วันอาทิตย์ (ตามเวลาสากล และท้องถิ่น)
ตลาดเริ่มเทรดที่ ซิดนีย์ และสิงคโปร์
เวลา หนึ่งทุ่มตรง ตลาดโตเกียว เปิดทำการ
ตามตลาดลอนดอนเวลาตีสอง
และ สุดท้ายตลาดนิวยอร์คเปิดเวลา 8 โมงเช้า
และ ปิดที่เวลา 5 โมงเย็น
ดัง นั้นก่อนที่ตลาดนิวยอร์คจะปิด ตลาดสิงคโปร์ และตลาดซิดนีย์ ก็กลับมาเปิดอีกครั้งแล้ว และก็วนอย่างนี้ ไม่รู้จัก จบสิ้น จนสุดสัปดาห์
ใน ฐานะเทรดเดอร์คนหนึ่ง ทำให้ต้องสนใจกับ ข่าวดีหรือข่าวร้าย ที่เกิดขึ้นด้วยการเทรด ถ้าเหากว่ามีข้อมูลที่สำคัญ ออกมา จากอังกฤษ หรือว่า ญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ กำลังจะปิด นั่นหมายความ ถ้ามันเปิดตลาดมาวันต่อไป ราคาต่อวิ่งกระฉูดแน่นอน
(ตอนกลางคืน แม้อาจจะมีการเทรดฟิวเจอร์ค่าเงินอยู่บ้าง แต่ว่าปริมาณการเทรดก็เบาบาง ไม่มากนัก และยากเกินไป สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่จะเข้าเทรด)
ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการเทรด
อะไร สำคัญที่สุดในการเทรดค่าเงิน คุณไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น เพราะคุณติดต่อโดยตรงกับ market maker ทางโปรแกรมออนไลน์ คุณไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมให้คนกลางไม่ว่าจะเป็นการซื้อ หรือขาย แต่ว่าก็ยังมี ค่าใช้จ่าย นิดหน่อย คือค่า Spread ในการเทรดฟิวเจอร์ หรือการเทรดหุ้น หรือ Equity ก็มีเหมือนกัน โบรคเกอร์ จะได้ผล ตอบแทนจากค่า spread แทนที่จะเป็นค่าคอมมิชชั่น
มีราคาที่แน่นอน
เมื่อ เทรดฟอร์เร็กซ์ คำสั่งซื้อขายของคุณจะได้รับการส่งคำสั่งอย่างรวดเร็ว และได้ราคาที่คุณคิดไว้ ภายใต้ภาวะ ตลาดปกติ แต่ในทางกลับกัน ราคาของฟิวเจอร์ หรือ equity คุณอาจจะไม่ได้ราคาที่คุณอยากซื้อ หรือสามารถส่งคำสั่ง แล้วได้ออร์เดอร์นั้นทันทีทันใด แม้ว่าคุณจะใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงขนาดไหน หรือ โบรคเกอร์ของคุณสามารถ ส่งคำสั่งได้เร็วขนาดไหน ราคาที่คุณต้องตั้งไว้นั้น อยู่ไกลจากราคาปัจจุบัน เพราะเมื่อคุณส่งราคานั้นออกไป มันเป็น ราคาสุดท้ายที่มีการเทรด แต่ไม่ใช่ราคาที่ตัวสัญญาระบุราคาไว้ (เพราะว่าฟิวเจอร์เป็นการซื้อขายราคาในอนาคต)
ความเสี่ยงมีจำกัด
นัก เทรดจะมี Position Limit วัตถุประสงค์เพื่อจัดการความเสี่ยง ตัวเลขนี้เกี่ยวกับจำนวนเงินในบัญชีเทรดของ เทรดเดอร์ ความเสี่ยงถูกจำกัดให้เหลือน้อยลงในตลาดฟอร์เร็กซ์ เพราะโปรแกรมที่นักเทรดใช้อยู่ จะเรียก มาร์จิ้น เพิ่มอัติโนมัติ (margin call) เมื่อเทรดเดอร์ไม่มีมาร์จิ้นเหลืออีก ออร์เดอร์ที่เปิดอยู่จะถูกปิดทันทีตามขนาด ของ Position ที่เปิดอยู่ ในตลาดฟิวเจอร์ Position ของคุณจะต้องใส่เงินเพิ่มเข้าไปตลอด ถ้ามันขาดทุน หรือว่า มีมูลค่า ต่ำกว่ามาร์จิ้นที่โบรคเกอร์กำหนด คุณต้องใส่เงินจำนวนที่เท่ากับจำนวนที่ขาดทุน เข้าไปในบัญชี มันเป็นเรื่องบ้ามาก
เหตุผลที่นอกเหนือจากข้อดังกล่าว
ไม่มีคนกลาง
คน กลางในการแลกเปลี่ยน สามารถทำให้เราได้เปรียบหลาย ๆ อย่าง แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของการเทรด โดยการผ่าน คนกลางคือ ความสัมพันธ์ของคนกลาง ซึ่งระหว่างกลุ่มเทรดเดอร ์และด้านผู้ซื้อ ด้านผู้ขาย ในตลาดการทุน ทุกเครื่องมือทางการเงิน ต้องมีค่าใช้จ่าย ที่เราต้องจ่ายให้คนกลาง ซึ่งอาจจะคิดเป็นเวลา หรือเป็นค่าธรรมเนียมตายตัว ก็แล้วแต่ แต่การเทรดค่าเงินนั้น ไม่ต้องผ่านคนกลาง และเทรดเดอร์ยังสามารถเทรดได้กับตลาดโดยตรงซึ่ง market maker เป็นผู้รับผิดชอบต่อออร์เดอร์ ที่เทรดเดอร์เป็นผู้ส่งราคานั้น ๆ ดังนั้น ฟอร์เร็กซ์ ซื้อขายได้ทันท่วงทีมากกว่า และยังมีต้นทุน ที่ถูกกว่าอีกด้วย
ไม่มีใครสามารถควบคุมตลาดได้
หลาย ๆ ครั้งที่อาจจะได้ยินว่า กองทุน A กำลังเทขาย X หรือ กำลัง ซื้อ Z มีข่าวลือว่ากองทุนกำลังจะ เทขาย ทำกำไร เพราะว่าถึงเวลาใกล้ปิดบัญชีแล้ว หรือว่าจะเป็นวัน "triple witching day"(เป็นวันที่ สัญญาออพชั่น หรือ ฟิวเจอร์ หมดพร้อมกันทั้ง index และก็ตัวหุ้นเอง) , และเหตุผลต่าง ๆ นานา ที่ออกมาอธิบายว่าทำไม หุ้นถึงขึ้น หรือทำไม ตลาดอยู่ภาวะตลาดหมี หรือ ตลาดกระทิง ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่เคลื่อนไหว ไปตามกองทุนไม่ว่าจะ ซื้อหรือขาย ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ การเข้ามาควบคุมตลาดได้ของธนาคารขนาดใหญ่หรือกองทุนใหญ่ ๆ มีน้อยมาก ธนาคาร เฮดจ์ฟันด์ รัฐบาล หรือแม้แต่บริษัทรับแลกเงินต่าง ๆ ทั้งหมด เป็นแค่ผู้เทรดในตลาดทั่วโลก ซึ่งทำให้มันมีสภาพคล่อง หรือมูลค่ามหาศาลนั่นเอง
นักวิเคราะห์ กับ บริษัทโบรคเกอร์ มีบทบาทน้อย ในการชักนำตลาด
คุณ เคยได้ยินเรื่องหุ้น หรือไม่ว่า บทวิเคราะห์ที่โบรคเกอร์ออกมาให้คำแนะนำ เช่น ซื้อ เมื่อหุ้นราคากำลังปรับฐาน มันเป็นธรรมชาติของการลงทุนแบบนี้ ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาเตือน และไม่สนับสนุน การกระทำของโบรคเกอร์ แต่ว่าเราก็ยังได้เห็นมันอยู่ การเปิดขายหุ้น IPO ให้กับประชาชนทั่วไป เป็นโอกาสในการได้เป็นมหาชนของบริษัท และยังเป็นโอกาส ในการทำ กำไรของโบรคเกอร์อีกด้วย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งนักวิเคราะห์ ก็ทำงานให้โบรคเกอร์ อยู่แล้ว และโบรคเกอร์ก็ต้องการลูกค้า ก็เป็นธรรมดา ที่พวกเขาจะได้ผลประโยชน์ร่วมกัน และเราก็ยังตกเป็นเหยื่ออยู่เรื่อยไป ตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงินฟอร์เร็กซ์เป็นตลาดใหญ่ มีปริมาณการเทรดเป็นพัน ๆ ล้านจากธนาคารทั่วทุกมุมถนนทั่วโลก และเพราะ มันเป็นตลาดการเงินของโลก นักวิเคราะห์ในตลาดฟอร์เร็กซ์ ไม่สามารถเป็นผู้ชี้นำทิศทางตลาด ให้กับ เทรดเดอร์ได้ พวกเขาเพียงทำได้แค่ ่วิเคราะห์ตามภาวะตลาดเท่านั้นเอง
หุ้น 8,000 ตัว กับ 4 ค่าเงิน
มี หุ้นอยู่ในตลาดหุ้น New York Stock exchange.ประมาณ 4,500 ตัวและ อีกราว ๆ 3500 ตัวในตลาด NASDAQ. คุณเทรดตลาดไหนอยู่ คุณจะมีเวลาที่ไหนไปหาบริษัทที่มีผลประกอบการจากบริษัททั้งหมด แปดพันกว่าบริษัท แต่ ในตลาดค่าเงิน เรามีค่าเงินเพียงไม่กี่คู่ และ่ส่วนใหญ่ที่เทรดกัน มีแค่ 4 ค่าเงิน การดู 4 ค่าเงินง่ายกว่า การดูหุ้น 8 พันตัว คุณคงคิดเองได้
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,545.0.html