แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Volume แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Volume แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Volume ในตลาด Forex

การใช้ประโยชน์จาก Volume ในตลาด Forex

พูดถึง Volume ทุกคนรู้ว่ามันคือ ตัวชี้วัด "ปริมาณการซื้อขาย" นั่นเอง แต่เทรดเดอร์ไม่มากนักในตลาด Forex ที่รู้จักการใช้ Volume Indicator อาจเป็นเพราะเขาคิดว่ามันไม่ได้บอกสัญญาณที่สำคัญอะไรก็เลยไม่เอามันออกมา ใช้ วันนี้เราจะมาคุยเรื่องของเจ้า Volume นี้กันว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง ถ้าคุณใช้เป็นและรู้ว่าจะใช้งานมันอย่างไรให้เกิดประโยชน์ในตลาด Forex เจ้า Volume นี้อาจทำให้พอร์ตคุณโตขึ้นก็ได้

แล้วเราจะไปหาเจ้า Volume Indicator มาจากไหนล่ะ ? อันที่จริง MT 4 มี Volume เป็น Indicators พื้นฐานมาให้เราแล้ว แค่คุณคลิ๊กขวาที่ที่กราฟ แล้วกด "Ctrl+L" ก็มีมี Volume ขี้นมาที่กราฟของคุณ หรือถ้าอยากจะได้ Volume ที่แยกออกมาจากกราฟ คุณก็ทำได้โดยการ เข้าไปที่ Menu ด้านบน เลือก Insert > Indicators > Volume>  หลังจากนั้นจะมีหน้าต่างตั้งค่าของ Volume ขึ้นมา ให้เราเข้าไปที่ Visualization แล้ว เลือกที่ช่อง Show in data window แค่นี้คุณก็จะได้ Volume ที่มี สองสี แยกออกมาจากหน้าต่างหลัก ดูง่าย อยากได้สีอะไร เส้นหนาบางแค่ไหนคุณก็ปรับแต่เอาได้ตามสบายเลยค่ะ

เมื่อทำตามขั้นตอนแล้ว กราฟของเราจะเป็นดังภาพตัวอย่าง


ทำไมเทรดเดอร์ในตลาด Forex ถึงไม่ให้ความสำคัญกับ Volume Indicator ?
อัน ที่จริงแล้ว เจ้า Forex volume indicators นั้นไม่ได้แสดงปริมาณการซื้อขายจริง คือมันไม่ได้แสดงถึงจำนวนเงินเข้ามาในตลาดโดยตรง เพราะตลาด Forex  เป็น Over the counter market  ที่มีปริมาณการซื้อขายที่มหาศาล ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะติดตามปริมาณที่แท้จริงของปริมาณเงินที่เข้ามา นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เทรดเดอร์หลายคนเชื่อว่า Forex Indicator volume ไม่แสดงการไหลของเงินจริงจึงไม่ใช้มัน

การอ่าน Volume สามารถ

ยืน ยันได้ถึงเทรนที่แข็งแรง หรือ เตือนเราว่าเมื่อไหร่ที่เทรนกำลังอ่อนแอ Volume ที่เพิ่มขึ้น จะบอกได้ว่าเทรนนั้นมีความแข็งแกร่ง และเมื่อ Volume ลดลง ก็เป็นสัญญาณเตือนว่า เทรนที่กำลังเป็นอยู่นั้น กำลังหมดแรงและอาจใกล้ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนเทรนแล้ว

โวลุ่มที่สูง (พรวดพลาด) หลังจากที่โวลุ่มอ่อนค่าลงไป มักจะเป็นสัญญาณว่าเทรนกำลังจะเปลี่ยนไป จุดที่น่าทำการซื้อขายที่สุด ให้สังเกตเมื่อมีปริมาณการซื้อขายสูงๆ ที่บริเวณแนวรับแนวต้านที่สำคัญ ปริมาณการซื้อขายนี้ สามารช่วยตรวจสอบได้ถึงการ Breakout ของราคา ว่าจริงหรือหลอก


การอ่านค่า Volume Indicator ที่มากับ MT4
แท่ง สีเขียวแสดงถึงปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าแท่งก่อนหน้า และสีแดง แสดงถึงปริมาณการซื้อขายที่ลดลงมากกว่าแท่งก่อนหน้า อย่าเข้าใจผิดว่าสีเขียวแสดงถึงปริมาณการซื้อที่เยอะกว่า และสีแดงแสดงถึงปริมาณการขายที่เยอะกว่านะคะ


การอ่านสัญญาณจากปริมาณการซื้อขาย
ก่อน อื่นจงจำไว้ว่า ไม่ควรใช้ Volume เพื่อวัดปริมาณการซื้อขายใน Timeframe เล็กกว่า H1 เพราะสัญญาณที่ได้จะน้อยมากและมีสัญญาณรบกวนจากตลาดมากเกินไป และมันยังยากที่จะตรวจสอบได้ถึงสภาวะที่แท้จริงในช่วงระยะเวลาที่สั้นเกินไป ดังนั้น ควรใช้ Volume ใน TF ที่มีขนาดใหญ่ (H1, H4, D, W) เพื่อให้ Volume เก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น

Volume กับ Candle Stick
Volume บอกเราได้ถึงการต่อสู้เทรน แท่งVolume ที่ดีจะบอกเราได้ว่าใครชนะระหว่าง "หมี & กระทิง" อย่างไรก็ตาม  ถ้า Volume มีปริมาณมาก แต่ราคายังไม่ไปไหนเลย ก็เป็นสัญญาณ "อันตราย" เตือนได้ว่าตอนนี้ หมีกับกระทิงกำลังสู้กันอย่างหนัก เดี๋ยวพอได้ผู้ชนะ ราคาก็จะไปทางนั้น

แท่งราคายาว & Volume มาก = Trend  นั่นคือ ราคาจะยังคงเป็นเทรนเดิมต่อไป
แท่ง ราคายาว & Volume น้อย = Fake นั่นคือ สัญญาณหลอก ถ้าแท่งเป็นขาขึ้นก็ขึ้นไม่นาน ถ้าลง ก็ลงไม่นาน อาจเป็นสัญญาณ fail Break out  ถ้าเกิดบริเวณแนวรับแนวต้าน
แท่งราคาสั้น & Volume น้อย = Weak บอกได้ถึง เทรนนั้นกำลังอ่อนแอ ให้เตรียมตัวปิดเก็บกำไรได้
แท่ง ราคาสั้น & Volume มาก = Squat คือสัญญาณว่ามันกำลังเตรียมตัวพุ่งไปทางใดทางหนึ่ง หลังจากหมีกับกระทิงตีกันเสร็จ ใครชนะราคาก็จะพุ่งไปทางนั้น

Volume กับ Divergence
จาก ประสบการณ์ของตัวเองในตลาด Forex พบกว่ายังมีเทรดเดอร์บางกลุ่ม (รวมทั้งตัวเราด้วย) ได้ใช้ประโยชน์จากการดู Volume กับ Divergence ในการอ่านและคอนเฟิร์มรูปแบบ Chart Pattern ต่างๆด้วย โดยที่เราสามารถดู Divergence ได้จาก Oscillator ที่แตกต่างกัน ที่เรานิยมใช้กันมากก็มี RSI , Stochastic และ MACD  เราจะยืนยันว่า Divergence นั้นเป็นจริงได้จากการที่ Volume การซื้อขายลดลงในระหว่างการเกิด Divergence นั้น ถ้าคุณยังไม่รู้จักวิธีการดู Divergence ก็เข้าไปศึกษากันได้ที่
Divergence and Convergence Trading

ตัวอย่างการยืนยัน Divergence ของ Volume


นี่ คือการอ่านค่า Volume Indicator แบบพื้นฐาน สำหรับ ตลาด Forex  อ่านง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิดใช่มั้ยล่ะคะ ลองเอาไปทดลองใช้กันดูนะคะ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะชอบมันก็ได้

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,480.0.html

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แผนการเทรด 3 ปี Admin Thaiforexschool.com

แผนการเทรด  3 ปี  ทำให้ได้ครับ เทรดให้ได้วันละ  10 จุดนั้นไม่ยากหรอกครับ   มันขึ้นอยู่กับว่า คุณมีวินัยและความอดทนได้มากแค่ไหนครับ ต้นๆปี 2015 ถ้าสำเร็จ พวกเรา มาร่วมฉลองความสำเร็จด้วยกันครับ โชคดีครับทุกท่าน  



วิธีที่จะเทรดให้ได้กำไรไม่มีให้ครับ หาด้วยตัวเองครับแต่จะมีกฎและข้อบังคับในการเทรดให้ครับ 
1. ถ้าเปิดออเดอร์แรก แล้วเข้าเป้า ให้เลิกทันที ( เป้าหมายไม่จำเป็นต้องวันละ 10 จุด อาจจะมากกว่านั้นก็ได้ ) 
2.ถ้าเปิดออเดอร์แรก แล้ว โดน Stop Loss ให้รอจังหวะและหาโอกาสเปิดออเดอร์ที่ 2 
  2.1 ถ้าออเดอร์ที่ 2  โดน Stop Loss ให้หยุดทันที 
  2.2 ถ้าออเดอร์ที่ 2 เข้าเป้าให้โอกาสตัวเองอีก 1 ครั้ง ในครั้งที่ 3 
หมายเหตุ .. ถ้าออเดอร์ที่ 2 ได้กำไรมากกว่าที่เสียในออเดอร์แรก ก็ให้หยุดทันทีครับ 
3. ไม่ว่าออเดอร์ที่ 3 จะเข้าเป้า หรือ โดน Stop Loss ก็ต้องหยุดทันทีครับ 

อย่าลืมนะครับ ว่า Volume lot ที่ใช้เทรด ต้องเอา Balance/10000 นะครับ  ผมเชื่อว่าถ้าพวกคุณและผมทำตามกฎนี้ไปเรื่อยๆ เราจะไม่ชนะตลาดนี้หรอกครับ แต่เราจะมีเงินจากตลาดแห่งนี้ที่คนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง 

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,74.0.html

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มาทำความรู้จักกับระบบ Lot กันครับ



หลายๆคน คงงงกับระบบ Lot ของโปรแกรมเทรด MT4 เพราะพื้นฐานแต่ละคนมาไม่เหมือนกัน บางคนก็เทรดที่ Marketiva มาก่อน หรือเทรดโบรกเกอร์ที่โปรแกรมเทรดที่เป็นของโบรกเกอร์นั้นเอง จำนวนเงินที่ใช้เทรดก็จะเรียกต่างกัน เช่น โบรก Marketiva ก็จะใช้ระบบ Quantity ใส่ 100 Q= ลงเทรด 1 ดอล จุดละ 1 Cent

เรามาดูระบบ Lot ของโปรแกรม Mt4 กันดีกว่าครับ เพราะระบบ Lot เป็นระบบสากลที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ และโบรกเกอร์ส่วนใหญ่เลือกใช้

ระบบ Lot ของโบรกเกอร์ก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าโบรกเกอร์นั้นจะกำหนด ผมจะจำแนก ระบบ Lot  เป็นดังนี้

1. Standard Lot
ส่วน ใหญ่โบรกเกอร์ทุกโบรกเกอร์ก็จะใช้  Standard Lot กับบัญชีที่มีเงินเยอะๆ  Standard Account , Classic Account , Pro Account แล้วแต่ว่าโบรกเกอร์นั้นจะตั้งชื่อ

Standard Lot จะเริ่มต้นด้วย
ผม จะอิงทศนิยม 4 ตำแหน่งนะครับ ตำแหน่งสุดท้ายของค่าเงิน การเคลื่อนที่ของราคาตัวสุดท้าย ถ้าเคลื่อนที่ไป 1 เท่ากับเคลื่อนที่ไป 1 จุด (pips)
0.1 Lot  คือ เราจะ ได้-เสีย (Profits/Loss) จุดละ 1 ดอล
1.0 Lot  คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 10 ดอล
100 Lot คือ กำไร - ขาดทุน จุดละ 1000 ดอล

Micro Lot  
1 $=100 Cent  เกือบทุกโบรกเกอร์นะครับ จะมีบัญชี Cent (Cent Account) ให้เราได้เทรด เงินน้อยก็สามารถเทรดได้ ใช้ระบบ Micro Lot ของบัญชี Cent
0.1 Lot Cent  คือกำไรขาดทุน จุดละ 1 เซน
1.0  Lot Cent คือ กำไร ขาดทุน จุดละ 10 Cent
10.0 Lot Cent คือ กำไร ขาดทุน จุดละ 100 Cent หรือ 1 ดอลล่าร์
100 Lot Cent  คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 1000 Cent หรือ 10 ดอลล่าร์

บางทีเราเห็นเพื่อนๆเทรดกัน 100 Lot ติดลบทีเป็น 10000 ก็อย่าตกใจนะครับ เค้าเทรดบัญชี Cent

Mini Lot
Mini Lot จะเหมือนกับ Standard Lot แต่แตกต่างกันนิดหน่อยคือ มี 0.01 เพิ่มขึ้นมาด้วย
0.01 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 0.1 ดอล หรือ 10 Cent
0.1 Lot  คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 1 ดอล
1.0 Lot  คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 10 ดอล
100 Lot คือ กำไร - ขาดทุน จุดละ 1000 ดอล

บางโบรกเกอร์ก็จะมีระบบ Lot ที่แตกต่างจาก Lot มาตรฐาน เช่น โบรกเกอร์ Instaforex
โบรกเกอร์ Instaforex  บัญชีที่เป็น Standard จะเริ่มต้นเทรดที่
0.01 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 1 Cent
0.10 Lot คือ กำไร - ขาดทุน จุดละ 10 Cent
1.0  Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 1 ดอลล่าร์
10.0Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 10 ดอลล่าร์
100 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 100 ดอลล่าร์

ข้อควรระวังนะครับ หลายๆคนเป็นบ่อย และเสียเงินจากความผิดพลาดนี้
-  เมื่อ เราติดตั้งโปรแกรม Mt4 ใหม่ หรือไปใช้คอมที่ร้าน Internet เมื่อลงโปรแกรมแล้ว กด New Order ทันที โดยไม่ได้ดู Volume ทุกโบรกเกอร์จะ Set ตรงนั้นไว้เป็น 1.0 Lot อย่าลืมไปเปลี่ยนนะครับ
-  ลง Lot ให้เหมาะสมกับ Balance  หรือ Margin ที่มีอยู่นะครับ

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,82.0.html