leverage คืออะไร?
คุณ
อาจจะเคยคิดว่า นักลงทุนเล็ก ๆ อย่างคุณ
จะสามารถเทรดค่าเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร ลองคิดเปรียบว่า โบรคเกอร์
ก็คือธนาคาร ซึ่งเขาอยากให้คุณซื้อค่าเงินมูลค่า 100,000 เหรียญ
โดยที่เขาต้องการเงินจากคุณเพียง แค่ 1,000 เหรียญ เพื่อค้ำประกัน
ฟังดูง่ายเกินไปในโลกของความจริงใช่ไหม? แต่ว่า นี่แหละคือฟอร์เร็กซ์ และ
นี่ก็คือ Leverage ที่เราใช้
จำนวน leverage ที่คุณใช้ ขึ้นอยู่กับโบรคเกอร์ และขึ้นอยู่กับตัวคุณว่า ต้องการใช้เท่าไหร่
โบ
รคเกอร์จะให้คุณฝากเงินเข้า ที่เราเรียกกันว่า margin หรือ initial margin
เมื่อฝากเงินเข้าบัญชี คุณจะสามารถ เทรดได้ทันที และโบรกเกอร์ก็จะบอกว่า
คุณต้องใช้เงินเท่าไหร่ ในการเทรดจำนวน ลอทนั้น ๆ
เช่น ถ้า leverage
ที่เราใช้เท่ากับ 100:1 (หรือ 1 เปอร์เซ็นต์ ของ position ต้องใช้)
และคุณต้องการเทรดมูลค่า 100,000 เหรียญ โบรคเกอร์จะเรียกมาร์จิ้น 1,000
เหรียญ ดังนั้นถ้ามีเงิน 5,000 เหรียญ จะเทรดได้มากสุดถึง 500,000 เหรียญ
มาร์
จิ้นอย่างต่ำต่อลอท จะแตกต่างกันออกไป ตามแต่ละโบรคเกอร์ จากตัวอย่างข้างบน
โบรกเกอร์จะต้องใช้ มาร์จิ้น 1% ซึ่งหมายความว่า ออร์เดอร์มูลค่า 100,000
ซึ่งคุณจะต้องฝากเงินเข้าไป 1,000 เหรียญ เพื่อที่จะฝาก เป็นมาร์จิ้น
นั่นเอง
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,552.0.html
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นักลงทุน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นักลงทุน แสดงบทความทั้งหมด
วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ข้อควรรู้ และระวังก่อนการลงทุน
ข้อควรรู้ และระวังก่อนการลงทุน
สิ่ง อันตรายที่สุดของคนเรา คือ ความไม่รู้ หรือรู้น้อยเกินไป ไม่ว่างานแขนงใด ย่อมต้องการ ความสามารถ บางอย่าง ในตัวผู้ปฎิบัติ ดังนั้นจึงปฎิเสธไม่ได้ว่า เมื่อต้องการจับอะไร งานอะไร คุณต้ืองเรียนรู้มันก่อน เมื่อนั้น ความเจริญ รุ่งเรืองในงาน จะมาหาคุณ
แต่ หากไม่เรียนรู้พัฒนา สักแต่ทำ หรือจับงานแบบ เป็ด นั่นไม่แปลกเลย ที่มีคนล้มเหลว จากงานทุกชนิดที่จับ รับมาทำ อ่านสักนิด คิดสักหน่อย ค่อย ๆ ทำตาม แล้วคุณจะเป็นงานอีกแขนง ที่ไม่ยาก ที่จะสร้าง เป็นอาชีพหลัก ได้ อาชีพนักเทรด นักลงทุน หรือนักเล่นหุ้นในอนาคต
ฟอร์เร็กพื้นฐาน สิ่งที่ควรรู้ ก่อนการเทรด ฟอร์เร็กซ์
ฟอร์เร็กซ์ ( Forex ) คืออะไร
Foreign Exchange Market ที่รู้จักในชื่อของ FOREX , Forex , Retail Forex , FX , Spot FX หรือ Spot
เป็น ตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขาย มากกว่า 4 ล้าน ๆ หรียญต่อวัน เปรียบเทียบ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ที่มีปริมาณการเทรด 25 พันล้านเหรียญต่อวัน จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตลาดฟอร์เร็กซ์ ใหญ่ขนาดไหน
กล่าวคือ ตลาดฟอร์เร็กซ์ มีขนาดใหญ่กว่า ตลาดฟิวเจอร์ และตลาดหุ้น สหรัฐฯ รวมกันถึง 3 เท่า
ตลาดฟอร์เร็กซ์ เทรดอะไร ?
คำตอบ คือ เทรดค่าเงิน
การ เทรดฟอร์เร็กซ์ คือ การซื้อขายค่าเงิน หากเรา ซื้อค่าเงินอีกค่าเงินหนึ่ง เราก็ขายค่าเงินอีกค่าเงินหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะเทรดผ่าน โบรกเกอร์ หรือว่า ดีลเลอร์ นั่นเอง แต่ละครั้งจะเทรดเป็นคู่
ตัวอย่างเช่น ค่าเงินยูโร และ ค่าเงินดอลล่าร์ (EUR/USD) หรือ ค่าเงินปอนด์ และ ค่าเงินเยน (GBP/JPY)
เพราะ คุณไม่ได้ซื้ออะไรที่เป็นรูปร่างจับต้องได้จริง ๆ การเทรดแบบนี้จึงค่อนข้างทำให้สับสน
ให้ลองคิดถึงว่า คุณกำลังซื้อหุ้น โดยที่บริษัทที่คุณซื้อหุ้นของเขานั่นก็คือ ประเทศที่คุณถือค่าเงินนั่นเอง
สมมุติ คุณซื้อเงินเยน หมายถึง คุณกำลังลงทุนในเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นอยู่ ซึ่งราคาของค่าเงินนั้น จะสะท้อนภาวะ ของตลาด ที่ผู้คนในตลาดคิดว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร ในปัจจุบัน และอนาคต
โดยทั่วไป ผลพวงของ ค่าเงินค่าเงินหนึ่ง ที่มีต่ออีกค่าเงินหนึ่ง จะสะท้อนถึงเศรษฐกิจประเทศหนึ่ง ที่เปรียบเทียบ กับอีกประเทศหนึ่งอยู่
ซึ่งจะแตกต่างกับตลาดทุนอื่นๆ เช่น ตลาดหุ้นนิวยอร์ค
ตลาดฟอร์เร็กซ์ ไม่มีที่ตั้ง คือ ไม่มีศูนย์กลางการแลกเปลี่ยน
ตลาดฟอร์เร็กซ์ จะทำการซื้อขาย ผ่านระบบ OTC ( Over the Counter) ที่เรียกว่า Interbank marketนั่นเอง
เนื่องจาก ตลาดทั้งหมด ทำการซื้อขายในระบบ electronic ด้วยระบบเครือข่ายของธนาคาร จึงสามารถทำการซื้อขาย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วง ปลายปี 1990 มีแต่รายใหญ่ ๆ เท่านั้นที่เทรดในตลาดนี้ ซึ่งเงินที่คุณต้องมีในการเทรดตลาดนี้ในตอนนั้น คือ 10 ถึง 50 ล้านดอลล่าร์ ส่วนใหญ่จะเป็นธนาคาร หรือ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ ที่ไม่ใช่รายย่อย อย่างปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เพราะพัฒนาการที่รวดเร็วของอินเตอร์เน็ต บริษัทรับเทรดฟอร์เร็กซ์ สามารถที่จะให้เราเปิดบัญชี ที่ใช้ ในการเทรด ให้กับรายย่อยอย่างเราในปัจจุบัน
สิ่งที่คุณต้องมีในการเทรด คือ คอมพิวเตอร์ และ อินเตอร์เน็ตความร็วสูง และที่ขาดไม่ได้ คือ ข้อมูล ซึ่งหาได้จาก เว็บไซต์ต่าง ๆ
ข้อมูล เหล่านี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้คำแนะนำ สำหรับนักเทรดที่ยังไม่รู้จักตลาดฟอร์เร็กซ์เลย หรือ นักเทรดมือใหม่ ให้เข้าใจเกี่ยวกับความรู้พื้นฐาน ในตลาด Forex ในแบบ ที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
เวลาของการเทรดค่าเงิน ?
ตลาด ฟอร์เร็กซ์ มีเอกลักษณ์ของตัวเอง เหมือนกับ ซูเปอร์มาร์เก็ตวอลมาร์ทในสหรัฐ ฯ ซึ่งเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลก เราก็สามารถเทรดได้ ทั้งธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ ที่ยังคงเทรดค่าเงินอยู่ทั่วโลก ทั้งวันทั้งคืน จะหยุดเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์
ตลาดค่าเงินหมุนตามดวงอาทิตย์รอบโลก ดังนั้นเราสามารถเทรดได้ แม้กระทั่งตอนกลางคืน หรือตอนเช้า
ตลาด ฟอร์เร็กซ์ เป็นตลาดที่ใหญ่ และได้รับความนิยมมากที่สุด ในตลาดทุนทั้งหมดด้วยกันในโลกนี้ มีปริมาณการเทรด มากที่สุด ไม่ว่าจะมาจาก บัญชีเทรดส่วนตัว หรือ องค์กร ซึ่งตลาดนี้ใช้ระบบ OTC ที่นักเทรดแต่ะละคน จะเป็นผู้ตัดสิน ใจ ในการเทรดว่า จะเทรดกับใคร ตามเงื่อนไขของความดึงดูด ที่มีต่อราคา และ ความเป็นที่นิยมของค่าเงิน
ชาร์ทข้างล่างแสดงการเทรด ถึงอัตราส่วนการเทรดของค่าเงินต่าง ๆ ซึ่งค่าเงิน Dollar เป็นค่าเงินที่มีการเทรดมากที่สุด ถึง 86% ของตลาด รองลงคือ เงิน EURO 37% และอันดับสามได้แก่เงินเยน 16.5%
สัดส่วนการเทรด ค่าเงิน
การเทรดฟอร์เร็กซ์ มีข้อดีอย่างไร ?
ต่อไปนี้เป็นเหตุผลบางประการ ที่ตอบคำถามว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเลือกเทรดฟอร์เร็กซ์
ไม่มี commission (ค่านายหน้า)
ไม่ มีค่าธรรมเนียม ในการส่งคำสั่งซื้อขาย ไม่มีค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยน ค่าเงิน ไม่มีค่าธรรมเนียมที่เก็บจากภาครัฐ ไม่มีค่าธรรมเนียมที่คิดโดยโบรคเกอร์ เพราะโบรกเกอร์ จะได้ผลตอบแทน จากส่วนต่างของราคา ที่เรียกว่า Bid กับ Ask หรือเรียกอีกอย่างว่า Spread นั่นเอง
ไม่มีคนกลาง
การเทรด Spot ค่าเงินนั้น จะไม่มีการผ่านคนกลาง ซึ่งทำให้เราสามารถเทรดโดยตรงกับตลาด ตามราคาจริง ของค่าเงินนั้น ๆ
ไม่มีการกำหนด Lot หรือ Size
ใน ตลาดฟิวเจอร์ lot หรือว่า Size ของสัญญาการซื้อขาย ขึ้นอยู่กับ การแลก เปลี่ยนของตัวเครื่องมือนั้นๆ เช่น size มาตรฐานของสัญญาฟิวเจอร์เงิน คือ 5000 ออนซ์ ใน ตลาดฟอร์เร็ก เราสามารถส่งคำสั่งได้ตามใจเรา ซึ่งเหตุผลนี้ ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าเทรดในตลาดได้ ด้วยเงินเพียง ไม่กี่เหรียญ
ต้นทุนการส่งคำสั่งต่ำ
ต้น ทุนในการส่งคำสั่ง (Bid/Ask หรือ Spread) ซึ่งน้อยกว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์ ตามเงื่อนไข ของตลาด สำหรับโบรกเกอร์ใหญ่ ๆ Spread อาจจะน้อยถึง 0.07 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ Leverage ที่เราใช้
ตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
เรา ไม่ต้องรอให้มีคนมาสั่นกระดิ่งเปิดตลาด ตลาดเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ตอนเย็น จนถึง วันศุกร์ตอนกลางวัน (เวลา สหรัฐฯ บ้านเราเริ่ม ตีสี่ของวันจันทร์-ตีสี่ของเช้ามืดวันเสาร์) ตลาดฟอร์เร็กซ์นั้น ไม่เคยหลับ ซึ่งเหมาะกับคนที่เทรดเป็นงานเสริม เพราะว่าเราสามารถเลือกได้ว่าเราอยากเทรดเมื่อไหร่ ไม่ว่า กลางวันหรือกลางคืน
ไม่มีใครสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตลาดได้
ตลาด เทรดค่าเงินเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และมีนักเทรด มากมาย หลายระดับอยู่ในตลาด ซึ่งไม่มีใคร(แม้แต่ธนาคารกลาง) ที่จะสามารถควบคุมราคาให้เคลื่อนไหว ไปตาม ความต้องการของเขาได้
Leverage (คาน)
ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ แม้เราจะฝากเงินเข้าเพียงน้อยนิด แต่เราก็สามารถถือครองสัญญา ที่มี ขนาดใหญ่กว่าเงินในบัญชีของเราได้ Leverage ให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้ ในขณะที่มีความเสี่ยงของเงิน ทุนต่ำ
ตัวอย่าง โบรกเกอร์หนึ่งอนุญาตให้เราใช้ Leverage 1:200 หมายถึง หากเรามีเงินมาร์จิ้น 50 ดอลล่าร์ แต่นักเทรด สามารถซื้อหรือขาย สัญญามูลค่า 10,000 เหรียญได้ เช่นเดียวกัน หากเรามีมาร์จิ้นอยู่ 500 เหรียญ เราก็สามารถ เทรด สัญญามูลค่า 100,000 เหรียญ ได้เช่นกัน
แต่ ว่า Leveraage เหมือนดาบสองคม ถ้าเราไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี การใช้ Leverage สูง จะทำให้เราขาดทุน หรือกำไรมหาศาล ได้เหมือนกัน
มีสภาพคล่องสูง
เพราะ ตลาดฟอร์เร็กซ์เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก จึงทำให้มีสภาพคล่องสูงเช่นกัน หมายถึง ภายใต้สภาวะตลาดปกติ เมื่อเราคลิกเมาส์ ส่งออร์เดอร์ เราจะสามารถส่งคำสั่งได้ทันที เราจะไม่ติดขัดในการเทรด ไม่ว่าเราจะตั้งให้เปิดออร์เดอร์แบบอัติโนมัติ เมื่อถึงราคาที่กำหนด (Limit order) หรือ ให้ปิดออร์เดอร์อัติโนมัติ ถ้าราคาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด (Stop loss order)
มี บัญชีเทรด Demo, ข่าว, กราฟ และบทวิเคราะห์บริการให้
โบรกเกอร์ ออนไลน์ส่วนใหญ่ จะมีบัญชี demo ให้ใช้ในการฝึกเทรด พร้อมกับบริการข่าว และกราฟ รวมอยู่ในโปรแกรมเทรด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สิ่งเหล่านี้ เป็นข้อมูลที่คุณค่าสำหรับนักเทรดที่ "น่าสงสาร" และนักเทรดที่ชาญฉลาด ที่อยากจะฝึกปรือฝีมือตัวเอง ในการ เทรด ก่อนที่จะเปิดบัญชีเงินจริง และเสี่ยงในเงินจริงๆ
การเทรดบัญชี Mini และ บัญชี Micro
เราอาจ จะคิดว่าการที่จะเป็นนักเทรดค่าเงินขึ้นมาได้นั้น จะต้องใช้เงิน มหาศาล แต่จริงๆ แล้วถ้าเรามาเทียบการเทรดค่าเงิน กับตลาดหุ้นออฟชั่น หรือฟิวเจอร์ แต่ว่าไม่ใช่อย่างนั้น โบรกเกอร์ ออนไลน์หลายๆ ที่ มีบริการบัญชี Mini กับ บัญชี Micro ซึ่งบางโบรคเกอร์อนุญาติให้เรา ฝากเงินได้ ต่ำสุด เพียง 300 เหรียญ หรือต่ำกว่านั้นก็มี แต่เราไม่ได้หมายถึงว่า เราควรจะเปิดบัญชีกับพวกเขาโดยใช้เงิน ให้น้อยที่สุดนะ แต่เรากำลัง หมายถึงว่า มันทำให้ฟอร์เร็กซ์เข้าถึงคนได้หลายกลุ่ม หลายสาขาอาชีพ ผู้ซึ่งไม่มีเงิน มากในการเปิดบัญชีครั้งแรก
ต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มเทรดฟอร์เร็กซ์
การ เทรดฟอร์เร็กซ์ เราอาจจะเปิดบัญชีด้วยเงินไม่กี่สิบกี่ร้อยเหรียญ ซึ่งเป็นการดีแล้วในการเริ่มต้น ที่จะลองเอา ขาจุ่มลงน้ำ โดยคุณจะไม่จมน้ำ ศึกษาให้ดีก่อนลงทุนเงินจริงในจำนวนมาก ๆ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,546.0.html
สิ่ง อันตรายที่สุดของคนเรา คือ ความไม่รู้ หรือรู้น้อยเกินไป ไม่ว่างานแขนงใด ย่อมต้องการ ความสามารถ บางอย่าง ในตัวผู้ปฎิบัติ ดังนั้นจึงปฎิเสธไม่ได้ว่า เมื่อต้องการจับอะไร งานอะไร คุณต้ืองเรียนรู้มันก่อน เมื่อนั้น ความเจริญ รุ่งเรืองในงาน จะมาหาคุณ
แต่ หากไม่เรียนรู้พัฒนา สักแต่ทำ หรือจับงานแบบ เป็ด นั่นไม่แปลกเลย ที่มีคนล้มเหลว จากงานทุกชนิดที่จับ รับมาทำ อ่านสักนิด คิดสักหน่อย ค่อย ๆ ทำตาม แล้วคุณจะเป็นงานอีกแขนง ที่ไม่ยาก ที่จะสร้าง เป็นอาชีพหลัก ได้ อาชีพนักเทรด นักลงทุน หรือนักเล่นหุ้นในอนาคต
ฟอร์เร็กพื้นฐาน สิ่งที่ควรรู้ ก่อนการเทรด ฟอร์เร็กซ์
ฟอร์เร็กซ์ ( Forex ) คืออะไร
Foreign Exchange Market ที่รู้จักในชื่อของ FOREX , Forex , Retail Forex , FX , Spot FX หรือ Spot
เป็น ตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขาย มากกว่า 4 ล้าน ๆ หรียญต่อวัน เปรียบเทียบ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ที่มีปริมาณการเทรด 25 พันล้านเหรียญต่อวัน จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตลาดฟอร์เร็กซ์ ใหญ่ขนาดไหน
กล่าวคือ ตลาดฟอร์เร็กซ์ มีขนาดใหญ่กว่า ตลาดฟิวเจอร์ และตลาดหุ้น สหรัฐฯ รวมกันถึง 3 เท่า
ตลาดฟอร์เร็กซ์ เทรดอะไร ?
คำตอบ คือ เทรดค่าเงิน
การ เทรดฟอร์เร็กซ์ คือ การซื้อขายค่าเงิน หากเรา ซื้อค่าเงินอีกค่าเงินหนึ่ง เราก็ขายค่าเงินอีกค่าเงินหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะเทรดผ่าน โบรกเกอร์ หรือว่า ดีลเลอร์ นั่นเอง แต่ละครั้งจะเทรดเป็นคู่
ตัวอย่างเช่น ค่าเงินยูโร และ ค่าเงินดอลล่าร์ (EUR/USD) หรือ ค่าเงินปอนด์ และ ค่าเงินเยน (GBP/JPY)
เพราะ คุณไม่ได้ซื้ออะไรที่เป็นรูปร่างจับต้องได้จริง ๆ การเทรดแบบนี้จึงค่อนข้างทำให้สับสน
ให้ลองคิดถึงว่า คุณกำลังซื้อหุ้น โดยที่บริษัทที่คุณซื้อหุ้นของเขานั่นก็คือ ประเทศที่คุณถือค่าเงินนั่นเอง
สมมุติ คุณซื้อเงินเยน หมายถึง คุณกำลังลงทุนในเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นอยู่ ซึ่งราคาของค่าเงินนั้น จะสะท้อนภาวะ ของตลาด ที่ผู้คนในตลาดคิดว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร ในปัจจุบัน และอนาคต
โดยทั่วไป ผลพวงของ ค่าเงินค่าเงินหนึ่ง ที่มีต่ออีกค่าเงินหนึ่ง จะสะท้อนถึงเศรษฐกิจประเทศหนึ่ง ที่เปรียบเทียบ กับอีกประเทศหนึ่งอยู่
ซึ่งจะแตกต่างกับตลาดทุนอื่นๆ เช่น ตลาดหุ้นนิวยอร์ค
ตลาดฟอร์เร็กซ์ ไม่มีที่ตั้ง คือ ไม่มีศูนย์กลางการแลกเปลี่ยน
ตลาดฟอร์เร็กซ์ จะทำการซื้อขาย ผ่านระบบ OTC ( Over the Counter) ที่เรียกว่า Interbank marketนั่นเอง
เนื่องจาก ตลาดทั้งหมด ทำการซื้อขายในระบบ electronic ด้วยระบบเครือข่ายของธนาคาร จึงสามารถทำการซื้อขาย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วง ปลายปี 1990 มีแต่รายใหญ่ ๆ เท่านั้นที่เทรดในตลาดนี้ ซึ่งเงินที่คุณต้องมีในการเทรดตลาดนี้ในตอนนั้น คือ 10 ถึง 50 ล้านดอลล่าร์ ส่วนใหญ่จะเป็นธนาคาร หรือ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ ที่ไม่ใช่รายย่อย อย่างปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เพราะพัฒนาการที่รวดเร็วของอินเตอร์เน็ต บริษัทรับเทรดฟอร์เร็กซ์ สามารถที่จะให้เราเปิดบัญชี ที่ใช้ ในการเทรด ให้กับรายย่อยอย่างเราในปัจจุบัน
สิ่งที่คุณต้องมีในการเทรด คือ คอมพิวเตอร์ และ อินเตอร์เน็ตความร็วสูง และที่ขาดไม่ได้ คือ ข้อมูล ซึ่งหาได้จาก เว็บไซต์ต่าง ๆ
ข้อมูล เหล่านี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้คำแนะนำ สำหรับนักเทรดที่ยังไม่รู้จักตลาดฟอร์เร็กซ์เลย หรือ นักเทรดมือใหม่ ให้เข้าใจเกี่ยวกับความรู้พื้นฐาน ในตลาด Forex ในแบบ ที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
ตลาด Spot คืออะไร ?
Spot คือ ตลาดใดก็ตาม ที่ทำการซื้อขาย ในราคานั้น ๆ ในปัจจุบัน ตามเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทเวลาของการเทรดค่าเงิน ?
ตลาด ฟอร์เร็กซ์ มีเอกลักษณ์ของตัวเอง เหมือนกับ ซูเปอร์มาร์เก็ตวอลมาร์ทในสหรัฐ ฯ ซึ่งเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลก เราก็สามารถเทรดได้ ทั้งธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ ที่ยังคงเทรดค่าเงินอยู่ทั่วโลก ทั้งวันทั้งคืน จะหยุดเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์
ตลาดค่าเงินหมุนตามดวงอาทิตย์รอบโลก ดังนั้นเราสามารถเทรดได้ แม้กระทั่งตอนกลางคืน หรือตอนเช้า
ตลาด ฟอร์เร็กซ์ เป็นตลาดที่ใหญ่ และได้รับความนิยมมากที่สุด ในตลาดทุนทั้งหมดด้วยกันในโลกนี้ มีปริมาณการเทรด มากที่สุด ไม่ว่าจะมาจาก บัญชีเทรดส่วนตัว หรือ องค์กร ซึ่งตลาดนี้ใช้ระบบ OTC ที่นักเทรดแต่ะละคน จะเป็นผู้ตัดสิน ใจ ในการเทรดว่า จะเทรดกับใคร ตามเงื่อนไขของความดึงดูด ที่มีต่อราคา และ ความเป็นที่นิยมของค่าเงิน
ชาร์ทข้างล่างแสดงการเทรด ถึงอัตราส่วนการเทรดของค่าเงินต่าง ๆ ซึ่งค่าเงิน Dollar เป็นค่าเงินที่มีการเทรดมากที่สุด ถึง 86% ของตลาด รองลงคือ เงิน EURO 37% และอันดับสามได้แก่เงินเยน 16.5%
สัดส่วนการเทรด ค่าเงิน
การเทรดฟอร์เร็กซ์ มีข้อดีอย่างไร ?
ต่อไปนี้เป็นเหตุผลบางประการ ที่ตอบคำถามว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเลือกเทรดฟอร์เร็กซ์
ไม่มี commission (ค่านายหน้า)
ไม่ มีค่าธรรมเนียม ในการส่งคำสั่งซื้อขาย ไม่มีค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยน ค่าเงิน ไม่มีค่าธรรมเนียมที่เก็บจากภาครัฐ ไม่มีค่าธรรมเนียมที่คิดโดยโบรคเกอร์ เพราะโบรกเกอร์ จะได้ผลตอบแทน จากส่วนต่างของราคา ที่เรียกว่า Bid กับ Ask หรือเรียกอีกอย่างว่า Spread นั่นเอง
ไม่มีคนกลาง
การเทรด Spot ค่าเงินนั้น จะไม่มีการผ่านคนกลาง ซึ่งทำให้เราสามารถเทรดโดยตรงกับตลาด ตามราคาจริง ของค่าเงินนั้น ๆ
ไม่มีการกำหนด Lot หรือ Size
ใน ตลาดฟิวเจอร์ lot หรือว่า Size ของสัญญาการซื้อขาย ขึ้นอยู่กับ การแลก เปลี่ยนของตัวเครื่องมือนั้นๆ เช่น size มาตรฐานของสัญญาฟิวเจอร์เงิน คือ 5000 ออนซ์ ใน ตลาดฟอร์เร็ก เราสามารถส่งคำสั่งได้ตามใจเรา ซึ่งเหตุผลนี้ ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าเทรดในตลาดได้ ด้วยเงินเพียง ไม่กี่เหรียญ
ต้นทุนการส่งคำสั่งต่ำ
ต้น ทุนในการส่งคำสั่ง (Bid/Ask หรือ Spread) ซึ่งน้อยกว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์ ตามเงื่อนไข ของตลาด สำหรับโบรกเกอร์ใหญ่ ๆ Spread อาจจะน้อยถึง 0.07 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ Leverage ที่เราใช้
ตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
เรา ไม่ต้องรอให้มีคนมาสั่นกระดิ่งเปิดตลาด ตลาดเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ตอนเย็น จนถึง วันศุกร์ตอนกลางวัน (เวลา สหรัฐฯ บ้านเราเริ่ม ตีสี่ของวันจันทร์-ตีสี่ของเช้ามืดวันเสาร์) ตลาดฟอร์เร็กซ์นั้น ไม่เคยหลับ ซึ่งเหมาะกับคนที่เทรดเป็นงานเสริม เพราะว่าเราสามารถเลือกได้ว่าเราอยากเทรดเมื่อไหร่ ไม่ว่า กลางวันหรือกลางคืน
ไม่มีใครสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตลาดได้
ตลาด เทรดค่าเงินเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และมีนักเทรด มากมาย หลายระดับอยู่ในตลาด ซึ่งไม่มีใคร(แม้แต่ธนาคารกลาง) ที่จะสามารถควบคุมราคาให้เคลื่อนไหว ไปตาม ความต้องการของเขาได้
Leverage (คาน)
ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ แม้เราจะฝากเงินเข้าเพียงน้อยนิด แต่เราก็สามารถถือครองสัญญา ที่มี ขนาดใหญ่กว่าเงินในบัญชีของเราได้ Leverage ให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้ ในขณะที่มีความเสี่ยงของเงิน ทุนต่ำ
ตัวอย่าง โบรกเกอร์หนึ่งอนุญาตให้เราใช้ Leverage 1:200 หมายถึง หากเรามีเงินมาร์จิ้น 50 ดอลล่าร์ แต่นักเทรด สามารถซื้อหรือขาย สัญญามูลค่า 10,000 เหรียญได้ เช่นเดียวกัน หากเรามีมาร์จิ้นอยู่ 500 เหรียญ เราก็สามารถ เทรด สัญญามูลค่า 100,000 เหรียญ ได้เช่นกัน
แต่ ว่า Leveraage เหมือนดาบสองคม ถ้าเราไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี การใช้ Leverage สูง จะทำให้เราขาดทุน หรือกำไรมหาศาล ได้เหมือนกัน
มีสภาพคล่องสูง
เพราะ ตลาดฟอร์เร็กซ์เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก จึงทำให้มีสภาพคล่องสูงเช่นกัน หมายถึง ภายใต้สภาวะตลาดปกติ เมื่อเราคลิกเมาส์ ส่งออร์เดอร์ เราจะสามารถส่งคำสั่งได้ทันที เราจะไม่ติดขัดในการเทรด ไม่ว่าเราจะตั้งให้เปิดออร์เดอร์แบบอัติโนมัติ เมื่อถึงราคาที่กำหนด (Limit order) หรือ ให้ปิดออร์เดอร์อัติโนมัติ ถ้าราคาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด (Stop loss order)
มี บัญชีเทรด Demo, ข่าว, กราฟ และบทวิเคราะห์บริการให้
โบรกเกอร์ ออนไลน์ส่วนใหญ่ จะมีบัญชี demo ให้ใช้ในการฝึกเทรด พร้อมกับบริการข่าว และกราฟ รวมอยู่ในโปรแกรมเทรด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สิ่งเหล่านี้ เป็นข้อมูลที่คุณค่าสำหรับนักเทรดที่ "น่าสงสาร" และนักเทรดที่ชาญฉลาด ที่อยากจะฝึกปรือฝีมือตัวเอง ในการ เทรด ก่อนที่จะเปิดบัญชีเงินจริง และเสี่ยงในเงินจริงๆ
การเทรดบัญชี Mini และ บัญชี Micro
เราอาจ จะคิดว่าการที่จะเป็นนักเทรดค่าเงินขึ้นมาได้นั้น จะต้องใช้เงิน มหาศาล แต่จริงๆ แล้วถ้าเรามาเทียบการเทรดค่าเงิน กับตลาดหุ้นออฟชั่น หรือฟิวเจอร์ แต่ว่าไม่ใช่อย่างนั้น โบรกเกอร์ ออนไลน์หลายๆ ที่ มีบริการบัญชี Mini กับ บัญชี Micro ซึ่งบางโบรคเกอร์อนุญาติให้เรา ฝากเงินได้ ต่ำสุด เพียง 300 เหรียญ หรือต่ำกว่านั้นก็มี แต่เราไม่ได้หมายถึงว่า เราควรจะเปิดบัญชีกับพวกเขาโดยใช้เงิน ให้น้อยที่สุดนะ แต่เรากำลัง หมายถึงว่า มันทำให้ฟอร์เร็กซ์เข้าถึงคนได้หลายกลุ่ม หลายสาขาอาชีพ ผู้ซึ่งไม่มีเงิน มากในการเปิดบัญชีครั้งแรก
ต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มเทรดฟอร์เร็กซ์
การ เทรดฟอร์เร็กซ์ เราอาจจะเปิดบัญชีด้วยเงินไม่กี่สิบกี่ร้อยเหรียญ ซึ่งเป็นการดีแล้วในการเริ่มต้น ที่จะลองเอา ขาจุ่มลงน้ำ โดยคุณจะไม่จมน้ำ ศึกษาให้ดีก่อนลงทุนเงินจริงในจำนวนมาก ๆ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,546.0.html
ป้ายกำกับ:
การซื้อขาย,
การลงทุน,
นักลงทุน,
Foreign Exchange,
leverage,
Market,
Over,
Retail,
Spot,
Spot FX
ความสัมพันธ์รหว่างตลาดหุ้นและ Forex
ความสัมพันธ์รหว่างตลาดหุ้นและ Forex
คุณ ทราบหรือไม่ว่า ข้อมูลตลาดหุ้น (ตลาดหลักทรัพย์) สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำนายการเคลื่อนไหวในตลาดค้าสกุลเงินได้ อย่างเช่นข้อมูลข่าวสารที่คุณได้รับจากสื่อต่างๆ เช่น จากโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เพราะดูเหมือนว่าตลาดหุ้นเป็นตลาดทุนส่วนใหญ่ที่ครอบคลุมตลาดการลงทุนอย่าง ใกล้ชิด แต่สิ่งหนึ่งที่คุณลืมไม่ได้คือ ถ้าต้องการจะซื้อหุ้นจากประเทศใดประเทศหนึ่ง คุณจะต้องมีสกุลเงินท้องถิ่น เช่น นักลงทุนชาวยุโรปต้องการจะลงทุนในญี่ปุ่น สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือแลกเปลี่ยนเงินสกุลยูโร (EUR) ของเขาเป็นเงินเยน (JPY) ของญี่ปุ่นก่อน ถ้าความต้องการที่จะลงทุนในญี่ปุ่นมีมาก ก็จะมีผลทำให้ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น และถ้ามีการขายยูโรมากขึ้น ก็มีผลทำให้ ค่าเงิน ยูโรอ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน เมื่อการลงทุนในตลาดใดก็ตามมีภาพรวมออกมาดี ก็จะมีเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุน แต่เมื่อใดที่ตลาดมีภาพรวมว่ากำลังย่ำแย่ นักลงทุนต่างชาติก็จะถอนการลงทุน และไปหาที่ลงทุนใหม่ทีดีกว่า
แม้ว่าคุณจะไม่ได้เทรดหุ้น แต่ในฐานะ Forex เทรดเดอร์ คุณก็ควรจะใส่ใจกับตลาดหุ้นในประเทศที่สำคัญ ถ้าตลาดหุ้นในประเทศใดประเทศหนึ่งเริ่มจะมีประสิทธิภาพดีกว่าตลาดหุ้นใน ประเทศอื่น คุณก็ควรจะรู้ด้วยเพราะว่าเงินอาจไหลออกจากประเทศที่ตลาดหุ้นซบเซาไปสู่ ประเทศที่มีการลงทุนที่แข็งแกร่งกว่า และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าสกุลเงินของประเทศที่มีตลาดหุ้นแข็งแกร่งแข็ง ค่าตาม ในขณะที่ค่าของสกุลเงินของประเทศที่มีตลาดหุ้นอ่อนแอนั้นอ่อนค่าตามตลาดหุ้น ไปด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ แนวคิดทั่วไปคือ : ตลาดหุ้นที่แข็งแกร่ง ทำให้ค่าสกุลเงินแข็งแกร่ง และ ตลาดหุ้นที่อ่อนแอ ทำให้ค่าสกุลเงินอ่อนแอด้วย ถ้าคุณซื้อสกุลเงินของประเทศที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นแข็งแกร่ง และขายสกุลเงินที่มีตลาดหุ้นที่อ่อนแอ คุณก็สามารถที่จะทำกำไรอย่างงามได้
ดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ (Dow Jones Industrial) เป็นหนึ่งในดัชนีหุ้นชั้นนำในสหรัฐอเมริกา สามารถใช้เป็นเครื่องมือตรวจสอบดูว่าบริษัทชั้นนำ 30 บริษัทที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปซื้อขายหุ้นนั้นมีสถานภาพเป็นอย่างไร บ้าง แม้จะมีชื่อว่า Industrial แต่บริษัทเหล่านี้แทบจะไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหรรมการผลิตสินค้าเลย แต่กลายเป็นตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่บางบริษัทในสหรัฐอเมริกา ทำให้เป็นที่จับตามองอยากมากจากนักลงทุนทั่วโลก และกลายเป็นดัชนีบ่งชี้ความเชื่อมั่นของตลาดที่สำคัญ จึงทำให้มีความไวต่อเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก
บริษัทที่อยู่ในดาวน์โจน ต่างเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่คุณอาจมีส่วนร่วมในบางสิ่งอยู่ทุกวัน เช่น AT&T, McDonalds, หรือ Intel และบริษัทเหล่านี้เองที่อยู่ในกลุ่มดาวน์โจนส์
Standard & Poor 500 หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ S&P 500 เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักของราคาหุ้นของบริษัทอเมริกันที่ใหญ่ที่สุด 500 บริษัท ถือว่าเป็นกลุ่มผู้นำสำหรับเศรษฐกิจอเมริกัน และยังใช้ในการดูทิศทางของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาด้วย
นอกจาก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ S&P 500 เป็นดัชนีซื้อขายที่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่มีทั้ง กองทุนรวม กองทุนแลกเปลี่ยนซื้อขายและกองทุนอื่นๆ เช่น กองทุนบำนาญ ซึ่งถูกก่อตั้งมาเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี S&P 500 ในสหรัฐอเมริกาเงินหลายร้อยพันล้านดอลลาร์สหรัฐได้นำมาลงทุนในรูปแบบนี้
NASDAQ เป็นชื่อย่อของ National Association of Securities Dealers Automated Quotationsหมายถึงสามคมตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ตามใบเสนอราคาโดยอัตโนมัติ แห่งชาติ ซึ่งก็คือ ตลาดหุ้นที่ทำการค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยบริษัทและองค์กรทั้งหมดประมาณ 3,700 แห่ง และยังเป็นตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
Nikkei (นิกเกอิ) นั้นคล้ายกับ Dow Jones Industrial คือ เป็นค่าเฉลี่ยที่มากที่สุดและใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เป็นราคาเฉลี่ยน้ำหนักของบริษัทชั้นนำ 225 บริษัท จึงเป็นตัวสะท้อนภาพของตลาดโดยรวมในญี่ปุ่น บริษัทที่อยู่ในกลุ่มนิกเกอิ ได้แก่ Toyota, Japan Airline และ Fuji Film เป็นต้น
DEX เป็นชื่อย่อของ Deutscher Aktien Index คือ ดัชนีตลาดหุ้นของประเทศเยอรมนี ที่ประกอบด้วยบริษัทที่มีฐานะมั่นคง 30 บริษัท ที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ต และเนื่องด้วยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซน จึงทำให้ DAX กลายเป็นดัชนีที่มีการจับตาดูกันมากที่สุดในยุโรป ตัวอย่างบางบริษัทที่อยู่ใน DEX เช่น Adidas, BMW, Deutsche Bank เป็นต้น
Down Jones Euro stock 50 index คือ ดัชนีของบริษัทชั้นนำที่มีพื้นฐานดีเยี่ยมในโซนยุโรป ประกอบด้วยกว่า 50 บริษัท ของ 12 ประเทศในแถบยูโรโซน ก่อตั้งขึ้นโดย บริษัท Stoxx Ltd., ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ Deutsche Boerse AG, Dow Jones & Company และ SIX Swiss Exchange
FTSE อ่านว่า Footsie (ฟุ๊ซซี่) เป็นดัชนีที่ติดตามประสิทธิภาพของบริษัทที่ส่วนใหญ่นั้นมีทุนสูง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอนประเทศอังกฤษ
FTSE มีดัชนีหลายอย่าง เช่น FTSE 100, FTSE 250 ขึ้นอยู่กับจำนวนของบริษัทที่ร่วมอยู่ในกลุ่มดัชนีนั้น
Hang Seng หรือ ดัชนีฮังเส็ง เป็นดัชนีของตลาดหุ้นฮ่องกง จะมีการทำบันทึกและตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นของบริษัทที่รวมอยู่ใน กลุ่มดัชนีแบบรายวัน ทำให้สามารถติดตามผลการดำเนินงานโดยรวมของตลาดหุ้นฮ่องกงได้
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นและ Forex
ประเด็น หนึ่งเกี่ยวกับการนำข้อมูลจากตลาดหุ้นทั่วโลกมาใช้เพื่อการตัดสินใจในตลาด Forex ก็คือ การหาคำตอบที่ว่า สิ่งไหนที่เป็นตัวชี้นำกันแน่ ระหว่างตลาดหุ้น และ Forex มันก็เหมือนกับคำถามโลกแตกที่ว่า “ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน ?”
แนวคิดพื้นฐานคือ เมื่อตลาดหุ้นมีทิศทางที่ดี มีความเชื่อมั่นในประเทศนั้นๆว่ากำลังเติบโตได้ดี ทำให้มีเงินทุนจากต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาลงทุน ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความต้องการค่าสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ทำให้ค่าสกุลเงินนั้นแข็งค่ากว่าเมื่อเทียบกับค่าสกุลเงินอื่น ในทางกลับกัน ถ้าตลาดหุ้นภายในประเทศมีปัญหา ความเชื่อมั่นก็ลดลง นักลงทุนต่างชาติก็ไม่อยากจะลงทุนต่อจึงนำเงินลงทุนเปลี่ยนกลับเป็นสกุลดั้ง เดิมของตนเอง
แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงสองปีที่ผ่านมาหลักการนี้ใช้ไม่ได้กับประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น บ่อยครั้งที่ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ไม่ได้มีน้ำหนักสำหรับค่าเงินดอลลาร์และเยนของตนเองเลย ก่อนอื่นลองมาดูความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีดาวน์โจน และ นิกเกอิ เพื่อให้เห็นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีการดำเนินการที่ที่เกี่ยวข้องกันอย่างไร
ตั้งแต่ มีการเปลี่ยนแปลงศตวรรษใหม่ ในปี 2000 ดัชนีดาวน์โจนส์ของสหรัฐอเมริกา และนิกเกอิ 225 ของญี่ปุ่น ก็เคลื่อนที่ไปด้วยกันเหมือนคู่รักที่จูงมือกันในวันวาเลนไทน์ มีจังหวะขึ้นลงไปพร้อมกัน และยังสังเกตเห็นว่า บางครั้งดัชนีตัวหนึ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หรือ อ่อนค่าลงก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนที่ตามดัชนีชี้วัดอีกตัวหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมักจะมีทิศทางไปในทางเดียวกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นและสกุลเงิน
Nikkei and USD/JPY
ก่อน ที่เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในสภาวะถดถอย ที่เริ่มต้นเมื่อปี 2007 เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำมากที่สุด การเติบโตของ GDP ลดลงติดต่อกัน นิกเกอิและ USD/JPY มีความสัมพันธ์ที่ผกผันตรงกันข้ามกัน นักลงทุนต่างเชื่อว่า ประสิทธิภาพของตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะสะท้อนถึงสถานะของประเทศ ดังนั้นการลงทุนอย่างมหาศาลในนิกเกอิ ทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น ในทางตรงกันข้าม เมื่อไหร่ก็ตามที่ปริมาณการลงทุนใน นิกเกอิ ลดลง คู่สกุลเงิน USD/JPY ก็จะมีทิศทางเป็นขาขึ้นด้วย
แต่ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ที่เคยมีก็เปลี่ยนไป กลายเป็นบ้าคลั่ง ดัชนีนิกเกอิ และ USD/JPY ที่เคยเคลื่อนที่ในทิศทางที่ตรงกันข้าม ก็กลายเป็นเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน
Dow Jones and USD/JPY
คราว นี้เราลองมาดูความสัมพันธ์ระหว่าง USD/JPY และดาวน์โจนส์กันบ้าง จากสิ่งที่คุณอ่านก่อนหน้านี้คุรอาจคิดว่า USD/JPY และ ดาวน์โจนส์ต้องมีความสัมพันธ์กัน อย่างไรก็ดี เมื่อดูชาร์ตด้านล่างคุณจะทราบว่ามันไม่เชิงว่าจะเป็นเช่นนั้น เหมือนว่าความสัมพันธ์จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก
ลอง ดูที่ดาวน์โจนส์ มีการดีดตัวขึ้นมาที่ 14,000 เมื่อปลายปี 2007 ก่อนที่จะร่วงลงมา ในปี 2008 และในเวลาเดียวกัน USD/JPY ก็ร่วงลงมาด้วย แต่ลักษณะการเคลื่อนที่ไม่รวดเร็วเหมือนดาวน์โจนส์
สิ่งนี้สามารถเตือน เราได้ว่า เราต้องคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน ควบคู่กับเทคนิคอล และ ความเชื่อมั่นของตลาดเสมอ อย่าใช้แค่ความสัมพันธ์ของตลาด เพราะมันไม่สามารถการันตีความแม่นยำได้
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,540.0.html
คุณ ทราบหรือไม่ว่า ข้อมูลตลาดหุ้น (ตลาดหลักทรัพย์) สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำนายการเคลื่อนไหวในตลาดค้าสกุลเงินได้ อย่างเช่นข้อมูลข่าวสารที่คุณได้รับจากสื่อต่างๆ เช่น จากโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เพราะดูเหมือนว่าตลาดหุ้นเป็นตลาดทุนส่วนใหญ่ที่ครอบคลุมตลาดการลงทุนอย่าง ใกล้ชิด แต่สิ่งหนึ่งที่คุณลืมไม่ได้คือ ถ้าต้องการจะซื้อหุ้นจากประเทศใดประเทศหนึ่ง คุณจะต้องมีสกุลเงินท้องถิ่น เช่น นักลงทุนชาวยุโรปต้องการจะลงทุนในญี่ปุ่น สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือแลกเปลี่ยนเงินสกุลยูโร (EUR) ของเขาเป็นเงินเยน (JPY) ของญี่ปุ่นก่อน ถ้าความต้องการที่จะลงทุนในญี่ปุ่นมีมาก ก็จะมีผลทำให้ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น และถ้ามีการขายยูโรมากขึ้น ก็มีผลทำให้ ค่าเงิน ยูโรอ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน เมื่อการลงทุนในตลาดใดก็ตามมีภาพรวมออกมาดี ก็จะมีเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุน แต่เมื่อใดที่ตลาดมีภาพรวมว่ากำลังย่ำแย่ นักลงทุนต่างชาติก็จะถอนการลงทุน และไปหาที่ลงทุนใหม่ทีดีกว่า
แม้ว่าคุณจะไม่ได้เทรดหุ้น แต่ในฐานะ Forex เทรดเดอร์ คุณก็ควรจะใส่ใจกับตลาดหุ้นในประเทศที่สำคัญ ถ้าตลาดหุ้นในประเทศใดประเทศหนึ่งเริ่มจะมีประสิทธิภาพดีกว่าตลาดหุ้นใน ประเทศอื่น คุณก็ควรจะรู้ด้วยเพราะว่าเงินอาจไหลออกจากประเทศที่ตลาดหุ้นซบเซาไปสู่ ประเทศที่มีการลงทุนที่แข็งแกร่งกว่า และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าสกุลเงินของประเทศที่มีตลาดหุ้นแข็งแกร่งแข็ง ค่าตาม ในขณะที่ค่าของสกุลเงินของประเทศที่มีตลาดหุ้นอ่อนแอนั้นอ่อนค่าตามตลาดหุ้น ไปด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ แนวคิดทั่วไปคือ : ตลาดหุ้นที่แข็งแกร่ง ทำให้ค่าสกุลเงินแข็งแกร่ง และ ตลาดหุ้นที่อ่อนแอ ทำให้ค่าสกุลเงินอ่อนแอด้วย ถ้าคุณซื้อสกุลเงินของประเทศที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นแข็งแกร่ง และขายสกุลเงินที่มีตลาดหุ้นที่อ่อนแอ คุณก็สามารถที่จะทำกำไรอย่างงามได้
ดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ (Dow Jones Industrial) เป็นหนึ่งในดัชนีหุ้นชั้นนำในสหรัฐอเมริกา สามารถใช้เป็นเครื่องมือตรวจสอบดูว่าบริษัทชั้นนำ 30 บริษัทที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปซื้อขายหุ้นนั้นมีสถานภาพเป็นอย่างไร บ้าง แม้จะมีชื่อว่า Industrial แต่บริษัทเหล่านี้แทบจะไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหรรมการผลิตสินค้าเลย แต่กลายเป็นตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่บางบริษัทในสหรัฐอเมริกา ทำให้เป็นที่จับตามองอยากมากจากนักลงทุนทั่วโลก และกลายเป็นดัชนีบ่งชี้ความเชื่อมั่นของตลาดที่สำคัญ จึงทำให้มีความไวต่อเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก
บริษัทที่อยู่ในดาวน์โจน ต่างเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่คุณอาจมีส่วนร่วมในบางสิ่งอยู่ทุกวัน เช่น AT&T, McDonalds, หรือ Intel และบริษัทเหล่านี้เองที่อยู่ในกลุ่มดาวน์โจนส์
Standard & Poor 500 หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ S&P 500 เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักของราคาหุ้นของบริษัทอเมริกันที่ใหญ่ที่สุด 500 บริษัท ถือว่าเป็นกลุ่มผู้นำสำหรับเศรษฐกิจอเมริกัน และยังใช้ในการดูทิศทางของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาด้วย
นอกจาก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ S&P 500 เป็นดัชนีซื้อขายที่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่มีทั้ง กองทุนรวม กองทุนแลกเปลี่ยนซื้อขายและกองทุนอื่นๆ เช่น กองทุนบำนาญ ซึ่งถูกก่อตั้งมาเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี S&P 500 ในสหรัฐอเมริกาเงินหลายร้อยพันล้านดอลลาร์สหรัฐได้นำมาลงทุนในรูปแบบนี้
NASDAQ เป็นชื่อย่อของ National Association of Securities Dealers Automated Quotationsหมายถึงสามคมตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ตามใบเสนอราคาโดยอัตโนมัติ แห่งชาติ ซึ่งก็คือ ตลาดหุ้นที่ทำการค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยบริษัทและองค์กรทั้งหมดประมาณ 3,700 แห่ง และยังเป็นตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
Nikkei (นิกเกอิ) นั้นคล้ายกับ Dow Jones Industrial คือ เป็นค่าเฉลี่ยที่มากที่สุดและใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เป็นราคาเฉลี่ยน้ำหนักของบริษัทชั้นนำ 225 บริษัท จึงเป็นตัวสะท้อนภาพของตลาดโดยรวมในญี่ปุ่น บริษัทที่อยู่ในกลุ่มนิกเกอิ ได้แก่ Toyota, Japan Airline และ Fuji Film เป็นต้น
DEX เป็นชื่อย่อของ Deutscher Aktien Index คือ ดัชนีตลาดหุ้นของประเทศเยอรมนี ที่ประกอบด้วยบริษัทที่มีฐานะมั่นคง 30 บริษัท ที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ต และเนื่องด้วยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซน จึงทำให้ DAX กลายเป็นดัชนีที่มีการจับตาดูกันมากที่สุดในยุโรป ตัวอย่างบางบริษัทที่อยู่ใน DEX เช่น Adidas, BMW, Deutsche Bank เป็นต้น
Down Jones Euro stock 50 index คือ ดัชนีของบริษัทชั้นนำที่มีพื้นฐานดีเยี่ยมในโซนยุโรป ประกอบด้วยกว่า 50 บริษัท ของ 12 ประเทศในแถบยูโรโซน ก่อตั้งขึ้นโดย บริษัท Stoxx Ltd., ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ Deutsche Boerse AG, Dow Jones & Company และ SIX Swiss Exchange
FTSE อ่านว่า Footsie (ฟุ๊ซซี่) เป็นดัชนีที่ติดตามประสิทธิภาพของบริษัทที่ส่วนใหญ่นั้นมีทุนสูง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอนประเทศอังกฤษ
FTSE มีดัชนีหลายอย่าง เช่น FTSE 100, FTSE 250 ขึ้นอยู่กับจำนวนของบริษัทที่ร่วมอยู่ในกลุ่มดัชนีนั้น
Hang Seng หรือ ดัชนีฮังเส็ง เป็นดัชนีของตลาดหุ้นฮ่องกง จะมีการทำบันทึกและตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นของบริษัทที่รวมอยู่ใน กลุ่มดัชนีแบบรายวัน ทำให้สามารถติดตามผลการดำเนินงานโดยรวมของตลาดหุ้นฮ่องกงได้
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นและ Forex
ประเด็น หนึ่งเกี่ยวกับการนำข้อมูลจากตลาดหุ้นทั่วโลกมาใช้เพื่อการตัดสินใจในตลาด Forex ก็คือ การหาคำตอบที่ว่า สิ่งไหนที่เป็นตัวชี้นำกันแน่ ระหว่างตลาดหุ้น และ Forex มันก็เหมือนกับคำถามโลกแตกที่ว่า “ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน ?”
แนวคิดพื้นฐานคือ เมื่อตลาดหุ้นมีทิศทางที่ดี มีความเชื่อมั่นในประเทศนั้นๆว่ากำลังเติบโตได้ดี ทำให้มีเงินทุนจากต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาลงทุน ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความต้องการค่าสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ทำให้ค่าสกุลเงินนั้นแข็งค่ากว่าเมื่อเทียบกับค่าสกุลเงินอื่น ในทางกลับกัน ถ้าตลาดหุ้นภายในประเทศมีปัญหา ความเชื่อมั่นก็ลดลง นักลงทุนต่างชาติก็ไม่อยากจะลงทุนต่อจึงนำเงินลงทุนเปลี่ยนกลับเป็นสกุลดั้ง เดิมของตนเอง
แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงสองปีที่ผ่านมาหลักการนี้ใช้ไม่ได้กับประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น บ่อยครั้งที่ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ไม่ได้มีน้ำหนักสำหรับค่าเงินดอลลาร์และเยนของตนเองเลย ก่อนอื่นลองมาดูความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีดาวน์โจน และ นิกเกอิ เพื่อให้เห็นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีการดำเนินการที่ที่เกี่ยวข้องกันอย่างไร
ตั้งแต่ มีการเปลี่ยนแปลงศตวรรษใหม่ ในปี 2000 ดัชนีดาวน์โจนส์ของสหรัฐอเมริกา และนิกเกอิ 225 ของญี่ปุ่น ก็เคลื่อนที่ไปด้วยกันเหมือนคู่รักที่จูงมือกันในวันวาเลนไทน์ มีจังหวะขึ้นลงไปพร้อมกัน และยังสังเกตเห็นว่า บางครั้งดัชนีตัวหนึ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หรือ อ่อนค่าลงก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนที่ตามดัชนีชี้วัดอีกตัวหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมักจะมีทิศทางไปในทางเดียวกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นและสกุลเงิน
Nikkei and USD/JPY
ก่อน ที่เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในสภาวะถดถอย ที่เริ่มต้นเมื่อปี 2007 เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำมากที่สุด การเติบโตของ GDP ลดลงติดต่อกัน นิกเกอิและ USD/JPY มีความสัมพันธ์ที่ผกผันตรงกันข้ามกัน นักลงทุนต่างเชื่อว่า ประสิทธิภาพของตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะสะท้อนถึงสถานะของประเทศ ดังนั้นการลงทุนอย่างมหาศาลในนิกเกอิ ทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น ในทางตรงกันข้าม เมื่อไหร่ก็ตามที่ปริมาณการลงทุนใน นิกเกอิ ลดลง คู่สกุลเงิน USD/JPY ก็จะมีทิศทางเป็นขาขึ้นด้วย
แต่ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ที่เคยมีก็เปลี่ยนไป กลายเป็นบ้าคลั่ง ดัชนีนิกเกอิ และ USD/JPY ที่เคยเคลื่อนที่ในทิศทางที่ตรงกันข้าม ก็กลายเป็นเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน
Dow Jones and USD/JPY
คราว นี้เราลองมาดูความสัมพันธ์ระหว่าง USD/JPY และดาวน์โจนส์กันบ้าง จากสิ่งที่คุณอ่านก่อนหน้านี้คุรอาจคิดว่า USD/JPY และ ดาวน์โจนส์ต้องมีความสัมพันธ์กัน อย่างไรก็ดี เมื่อดูชาร์ตด้านล่างคุณจะทราบว่ามันไม่เชิงว่าจะเป็นเช่นนั้น เหมือนว่าความสัมพันธ์จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก
ลอง ดูที่ดาวน์โจนส์ มีการดีดตัวขึ้นมาที่ 14,000 เมื่อปลายปี 2007 ก่อนที่จะร่วงลงมา ในปี 2008 และในเวลาเดียวกัน USD/JPY ก็ร่วงลงมาด้วย แต่ลักษณะการเคลื่อนที่ไม่รวดเร็วเหมือนดาวน์โจนส์
สิ่งนี้สามารถเตือน เราได้ว่า เราต้องคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน ควบคู่กับเทคนิคอล และ ความเชื่อมั่นของตลาดเสมอ อย่าใช้แค่ความสัมพันธ์ของตลาด เพราะมันไม่สามารถการันตีความแม่นยำได้
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,540.0.html
วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วิธีลงทุนในทองคำ(คำแนะนำ)
การลงทุนในทองคำ
เป็น กระแสที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความนิยมเป็นอย่างมาก โดยนักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยเหตุผลที่มีอย่างมากมายที่สามารถดึงดูดนักลงทุน เช่น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำตามสถิติตั้งแต่ปี 2001 ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 150% ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากกำลังการผลิตที่ลดลง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน ช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าขณะนี้ราคาทองจะปรับตัวลดลงก็ตาม ความนิยมในการลงทุนก็มิได้ลดน้อยลงเลย บทความนี้ก็อยากจะพูดทั้ง 2 มุมมองของการลงทุนในทองคำไม่ว่าทางตรงโดยการซื้อทองคำแท่งเอง และการลงทุนโดยอาศัยความชำนาญของผู้บริหารกองทุน
1. การลงทุนโดยตรง
นัก ลงทุนส่วนใหญ่แล้วจะนิยมซื้อทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณมาเก็บไว้ ช่วงที่ผ่านมาราคาขึ้นแรงๆ คนก็เอาไปขาย บางช่วงที่ราคาปรับลดลง คนก็ไปซื้อเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร การที่นักลงทุนจะตัดสินใจซื้อหรือขายนั้น ผมอยากแนะนำให้ท่านได้ติดตามสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำด้วย เช่น ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองปรับตัวสูงขึ้นเพราะอะไร เราก็ต้องไปดูและศึกษาว่า Demand และ Supply นั้นสะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าหรือราคาจริงของทองคำไหม หรือเป็นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรของ Hedge Fund อย่างที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ตัวอย่างที่ผ่านมาสำหรับสถานการณ์การซื้อขายทองคำในช่วงสงกรานต์ จะเห็นได้ว่าความต้องการซื้อทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตามด้วอย่างไรก็ดี การลงทุนในทองคำก็ถือเป็นการลงทุนที่ใช้ในการลดผลกระทบจากเงินเฟ้อได้ เนื่องจากถ้าเรามองราคาทองคำระยะยาวแล้ว ทองคำก็ยังคงมีมูลค่าสูงอยู่ดี แม้ปรับลดด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้วก็ตาม
2. การลงทุนผ่านกองทุนรวม
ซึ่ง ถือเป็นการอาศัยความเชี่ยวชาญของ บลจ. ต่างๆ ซึ่งเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ เช่น TMB Gold Fund, ING Golden Star link, BT FIF Golden link เป็นต้น อย่างที่เราทราบกันดี การลงทุนในกองทุนรวมมีขั้นตอนในการตัดสินใจพิจารณาหามูลค่าของการลงทุนนั้นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขาย โดยกลยุทธ์การซื้อขายของกองทุนเท่าที่ผมเข้าใจ จะใช้การบริหารเชิงรับ (Passive Investment Strategy) โดยเป็นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศอีกที ฉะนั้นการลงทุนประเภทนี้ก็ถือเป็นกองทุน FIF อย่างหนึ่ง ถ้าถามว่าปัจจัยใดที่มีผลกระทบต่อเงินลงทุนของกองทุนประเภทนี้ คำตอบคือความผันผวนของราคาทองคำ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ความเสี่ยงด้วยกัน
1) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำ (Price Risk)
หมาย ถึง โอกาสที่ราคาทองในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้นหรือลดต่ำลงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือระยะยาวในบางครั้ง เช่น ในช่วงที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ขายเงินทุนสำรองที่เก็บในทองคำออกมาในตลาด จนทำให้ราคาทองในตลาดโลกลดต่ำลง ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกองทุน เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงตามราคาทองในตลาด โลก ดังนั้นหากราคาทองในตลาดโลกลดลงจะส่งผลทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน ลดลงได้อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำมีความเป็นอิสระจากการเปลี่ยนแปลงจากการลงทุนการ ลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้ ทั้งนี้ จากข้อมูลทางสถิติย้อนหลังที่ทำการศึกษาทั้งในและต่างประเทศแสดงให้เห็นว่า ผลตอบแทนของทองคำมีค่าความสัมพันธ์กับผลตอบแทนจากการลงทุนในสภาวะที่คาดว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้มีแนวโน้มลดลง
2) ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk)
ความ เสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงิน สกุลต่างประเทศอื่น กล่าวคือ หากค่าเงินบาทมีค่าแข็งขึ้นจากวันที่กองทุนเข้าลงทุนเมื่อเทียบกับสกุลเงิน ดอลลาร์ที่เข้าลงทุนนั้น (เช่น จาก 33 บาท ต่อ1ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 31 บาท) จะทำให้กองทุนได้รับดอกเบี้ยตามงวดและ/หรือเงินต้นเมื่อครบกำหนดของตราสาร เป็นเงินบาทในจำนวนที่น้อยลง ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนต่ำกว่าที่คาดไว้ ในทางกลับกัน หากค่าเงินบาทมีค่าอ่อนลง (เช่น จาก 33 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 35 บาท) จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนเมื่อคำนวณเป็นสกุลเงินบาทมากขึ้น
3. การลงทุนแบบ Gold Future
คือ สัญญาซื้อขายราคาทองคำล่วงหน้าในตลาดภายในประเทศไทย เป็นเครื่องมือที่ผู้ลงทุนสามารถใช้ เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับลงทุนได้ ตามความคาดการณ์ที่มีต่อราคาทองคำได้ทั้งในภาวะราคาทองขาขึ้น และราคาทองขาลง ด้วยคุณลักษณะเด่นที่สามารถ ขายก่อนซื้อได้ หรือซื้อก่อนขายได้ และใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อทองแท่งจริง Gold Futures จึงเป็นทางเลือกที่ น่าสนใจในการทำกำไรและกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนการเล่นตลาด Gold Future ทำการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ บ้านเราก็คือ TFEX นี่เอง TFEX จะเป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์การซื้อขาย คอยจัดการดูแลให้ผู้เกี่ยวข้องในตลาด ปฏิบัติตามสัญญา ตลาดนี้มีลักษณะอีกอย่างที่เรียกว่า zero sum games นะครับ มีคนได้มีคนเสียเท่าๆกันเสมอซื้อ Gold Futures ต่างอะไรกับทองคำจริงๆบ้าง ทองคำจริง อยากซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อได้ ซื้อแล้วเอามานอนกอดได้ ขาดทุนยิ่งต้องกอดมันไว้นานๆ แต่ซื้อทองคำ Futures จะมีคนมาสะกิดคุณทุกวันว่า วันนี้ กำไรหรือขาดทุน ยิ่งขาดทุน ยิ่งเครียด เพราะจะถูกสะกิดให้เติมเงินเข้าไปในบัญชี หากยังอยากถือไว้Gold Futures มีข้อกำหนดหลักๆ คือมันเป็นสัญญาจะซื้อ/จะขายทองคำ โดย 1 สัญญาจะเท่ากับ 50 บาท โดยการซื้อ ใช้แค่เงิน 10% เสียเงินค่าคอมมิชชั่นขั้นต้น 450 บาท + Vat 7% หรือ 481.50 บาท ตีมั่วๆง่ายๆ ก็ 500 บาทซะ ไปกลับประมาณ 1000 เท่ากับ 1 บาท คุณมีต้นทุนแล้ว 20 บาท ซึ่งยังถูกกว่าส่วนต่างของราคาสมาคม 5 เท่า (สมาคม 100 บาท) แปลว่า คุณมีโอกาสในการใช้เงินที่เคยซื้อทองคำได้แค่ 5 บาท มาซื้อทองคำ Gold Futures ได้ถึง 50 บาท และมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าเดิม 10 เท่า พร้อมๆกับส่วนต่างที่น้อยลงไปอีกบาทละ 80 บาทข้อดีที่ชัดๆของ Gold Futures ที่ผมเห็น คือโอกาสในการขายก่อน หรือเล่นในตลาดช่วงขาลง กรณีไม่มีของอยู่ในมือ ซึ่งทองคำของจริง หรือ KGOLD หรือ TMBGOLD ไม่สามารถทำได้ ได้แต่รออย่างเดีย แต่อย่าเพิ่งนอนใจนะครับ นั่นเป็นด้านดีที่ทำให้คนเข้าสู่ตลาดจนลืมด้านไม่ดี คือมันสามารถพาคุณขาดทุนได้เพิ่มขึ้นอีก 10 เท่าด้วยเหมือนกัน
4. การลงทุนแบบ Gold spot (แนะนำ)
Gold Spot คือ สัญญาซื้อขายราคาทองคำในตลาดโลก ที่สามารถซื้อ-ขายได้ทันที โดยผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินทั้งจำนวน แค่วางเงินส่วนหนึ่งไว้กับโบรกเกอร์ก่อนส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อเป็นเงินมัดจำ หรือเรียกว่า เงินหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin)โดยที่เราจะเน้นทำกำไร จากส่วนต่างของการซื้อขายราคาทองในตลาดโลก โดยราคาทองจะมีหน่วยเป็นเงินดอลล่าร์ (USD) ต่อน้ำหนัก 1 ออนซ์ (Ounce) โดยที่ราคาทองจะวิ่งขึ้นลงตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ โดยมีแรงซื้อขายจากตลาดทั่วโลก ซึ่งสามารถทำการซื้อขายทองคำด้วยพอร์ทลงทุนของผู้เล่นเอง และสามารถทำกำไรได้ทั้งที่ภาวะราคาทองขาขึ้นและราคาทองขาลง ด้วยคุณลักษณะเด่นที่สามารถซื้อก่อนขายหรือขายก่อนซื้อก็ได้ และใช้เงินลงทุนน้อยการเล่น Gold spot สามารถทำการเล่นโดยผ่านโปรเกอร์ (Broker) หรือบริษัทตัวแทนการซื้อขาย ของท่างต่างประเทศ ซึ่งสำหรับนักลงทุนทองคำชาวไทย ก็สามารถสมัครเปิดบัญชีเพื่อเทรด Gold spot กับทางบริษัทตัวแทนได้ บริษัทตัวแทนการซื้อขายที่เราแนะนำในที่นี้คือ
Exness เป็นโบรกเกอร์ Forex(อัตราแลกเปลี่ยน) ที่สามารถลงทุนซื้อ-ขายทองคำโดยอ้างอิงราคาทองคำจากตลาดโลก เล่นได้ 2 ขา ขาขึ้นและขาลงเนื่องจากมีค่า spread(คอมมิชชั่น) ที่ค่อนข้างต่ำ การฝากเงินไม่ยุ่งยาก สามารถใช้ Internet Ibanking มี กรุงเทพ กรุงไทย ไทยพาณิชย์ กรุงศรีและกสิกรไทย หรือฝากผ่าน 7 -11 ได้และการถอนเงินก็สามารถถอนเข้าธนาคารไทยได้ทุกธนาคาร
โดยส่วนตัว แล้วผมคิดว่าถ้าเราจะลงทุนทองคำควรเลือกที่ได้ 2 ขา จะดีกว่า ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสภาพไหน? ขาขึ้น หรือ ขาลง เราก็ทำกำไรได้อยู่ดี!! รู้แบบนี้แล้ว จะไม่ลองสมัครเปิดบัญชีหรือครับ? หากท่านยังไม่พร้อมเปิดบัญชี ก็ลองเปิดบัญชีทดลองซื้อ-ขายได้มีเงินปลอมให้เล่น 1 แสนดอลล่า รูปแบบการซื้อ-ขายเหมือนบัญชีจริงๆแต่ต่างกันแค่เงินเป็นเงินปลอมเท่าั้นั้น เอง รูบแบบการซื้อ-ขายจะเป็นโปรแกรมเทรด MT4 ดาวโหลดไโปรแกรมได้หลังสมัครเปิดบัญชีจริงหรือบัญชีทดลอง ซื้อ - ขาย ทองคำ คู่เงิน หุ้น สามารถส่งคำสั่งซื้อ - ขาย ได้ 24 ชั่วโมง จันทร์ - ศุกร์
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,580.0.html
เป็น กระแสที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความนิยมเป็นอย่างมาก โดยนักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยเหตุผลที่มีอย่างมากมายที่สามารถดึงดูดนักลงทุน เช่น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำตามสถิติตั้งแต่ปี 2001 ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 150% ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากกำลังการผลิตที่ลดลง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน ช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าขณะนี้ราคาทองจะปรับตัวลดลงก็ตาม ความนิยมในการลงทุนก็มิได้ลดน้อยลงเลย บทความนี้ก็อยากจะพูดทั้ง 2 มุมมองของการลงทุนในทองคำไม่ว่าทางตรงโดยการซื้อทองคำแท่งเอง และการลงทุนโดยอาศัยความชำนาญของผู้บริหารกองทุน
1. การลงทุนโดยตรง
นัก ลงทุนส่วนใหญ่แล้วจะนิยมซื้อทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณมาเก็บไว้ ช่วงที่ผ่านมาราคาขึ้นแรงๆ คนก็เอาไปขาย บางช่วงที่ราคาปรับลดลง คนก็ไปซื้อเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร การที่นักลงทุนจะตัดสินใจซื้อหรือขายนั้น ผมอยากแนะนำให้ท่านได้ติดตามสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำด้วย เช่น ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองปรับตัวสูงขึ้นเพราะอะไร เราก็ต้องไปดูและศึกษาว่า Demand และ Supply นั้นสะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าหรือราคาจริงของทองคำไหม หรือเป็นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรของ Hedge Fund อย่างที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ตัวอย่างที่ผ่านมาสำหรับสถานการณ์การซื้อขายทองคำในช่วงสงกรานต์ จะเห็นได้ว่าความต้องการซื้อทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตามด้วอย่างไรก็ดี การลงทุนในทองคำก็ถือเป็นการลงทุนที่ใช้ในการลดผลกระทบจากเงินเฟ้อได้ เนื่องจากถ้าเรามองราคาทองคำระยะยาวแล้ว ทองคำก็ยังคงมีมูลค่าสูงอยู่ดี แม้ปรับลดด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้วก็ตาม
2. การลงทุนผ่านกองทุนรวม
ซึ่ง ถือเป็นการอาศัยความเชี่ยวชาญของ บลจ. ต่างๆ ซึ่งเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ เช่น TMB Gold Fund, ING Golden Star link, BT FIF Golden link เป็นต้น อย่างที่เราทราบกันดี การลงทุนในกองทุนรวมมีขั้นตอนในการตัดสินใจพิจารณาหามูลค่าของการลงทุนนั้นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขาย โดยกลยุทธ์การซื้อขายของกองทุนเท่าที่ผมเข้าใจ จะใช้การบริหารเชิงรับ (Passive Investment Strategy) โดยเป็นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศอีกที ฉะนั้นการลงทุนประเภทนี้ก็ถือเป็นกองทุน FIF อย่างหนึ่ง ถ้าถามว่าปัจจัยใดที่มีผลกระทบต่อเงินลงทุนของกองทุนประเภทนี้ คำตอบคือความผันผวนของราคาทองคำ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ความเสี่ยงด้วยกัน
1) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำ (Price Risk)
หมาย ถึง โอกาสที่ราคาทองในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้นหรือลดต่ำลงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือระยะยาวในบางครั้ง เช่น ในช่วงที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ขายเงินทุนสำรองที่เก็บในทองคำออกมาในตลาด จนทำให้ราคาทองในตลาดโลกลดต่ำลง ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกองทุน เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงตามราคาทองในตลาด โลก ดังนั้นหากราคาทองในตลาดโลกลดลงจะส่งผลทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน ลดลงได้อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำมีความเป็นอิสระจากการเปลี่ยนแปลงจากการลงทุนการ ลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้ ทั้งนี้ จากข้อมูลทางสถิติย้อนหลังที่ทำการศึกษาทั้งในและต่างประเทศแสดงให้เห็นว่า ผลตอบแทนของทองคำมีค่าความสัมพันธ์กับผลตอบแทนจากการลงทุนในสภาวะที่คาดว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้มีแนวโน้มลดลง
2) ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk)
ความ เสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงิน สกุลต่างประเทศอื่น กล่าวคือ หากค่าเงินบาทมีค่าแข็งขึ้นจากวันที่กองทุนเข้าลงทุนเมื่อเทียบกับสกุลเงิน ดอลลาร์ที่เข้าลงทุนนั้น (เช่น จาก 33 บาท ต่อ1ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 31 บาท) จะทำให้กองทุนได้รับดอกเบี้ยตามงวดและ/หรือเงินต้นเมื่อครบกำหนดของตราสาร เป็นเงินบาทในจำนวนที่น้อยลง ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนต่ำกว่าที่คาดไว้ ในทางกลับกัน หากค่าเงินบาทมีค่าอ่อนลง (เช่น จาก 33 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 35 บาท) จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนเมื่อคำนวณเป็นสกุลเงินบาทมากขึ้น
3. การลงทุนแบบ Gold Future
คือ สัญญาซื้อขายราคาทองคำล่วงหน้าในตลาดภายในประเทศไทย เป็นเครื่องมือที่ผู้ลงทุนสามารถใช้ เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับลงทุนได้ ตามความคาดการณ์ที่มีต่อราคาทองคำได้ทั้งในภาวะราคาทองขาขึ้น และราคาทองขาลง ด้วยคุณลักษณะเด่นที่สามารถ ขายก่อนซื้อได้ หรือซื้อก่อนขายได้ และใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อทองแท่งจริง Gold Futures จึงเป็นทางเลือกที่ น่าสนใจในการทำกำไรและกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนการเล่นตลาด Gold Future ทำการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ บ้านเราก็คือ TFEX นี่เอง TFEX จะเป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์การซื้อขาย คอยจัดการดูแลให้ผู้เกี่ยวข้องในตลาด ปฏิบัติตามสัญญา ตลาดนี้มีลักษณะอีกอย่างที่เรียกว่า zero sum games นะครับ มีคนได้มีคนเสียเท่าๆกันเสมอซื้อ Gold Futures ต่างอะไรกับทองคำจริงๆบ้าง ทองคำจริง อยากซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อได้ ซื้อแล้วเอามานอนกอดได้ ขาดทุนยิ่งต้องกอดมันไว้นานๆ แต่ซื้อทองคำ Futures จะมีคนมาสะกิดคุณทุกวันว่า วันนี้ กำไรหรือขาดทุน ยิ่งขาดทุน ยิ่งเครียด เพราะจะถูกสะกิดให้เติมเงินเข้าไปในบัญชี หากยังอยากถือไว้Gold Futures มีข้อกำหนดหลักๆ คือมันเป็นสัญญาจะซื้อ/จะขายทองคำ โดย 1 สัญญาจะเท่ากับ 50 บาท โดยการซื้อ ใช้แค่เงิน 10% เสียเงินค่าคอมมิชชั่นขั้นต้น 450 บาท + Vat 7% หรือ 481.50 บาท ตีมั่วๆง่ายๆ ก็ 500 บาทซะ ไปกลับประมาณ 1000 เท่ากับ 1 บาท คุณมีต้นทุนแล้ว 20 บาท ซึ่งยังถูกกว่าส่วนต่างของราคาสมาคม 5 เท่า (สมาคม 100 บาท) แปลว่า คุณมีโอกาสในการใช้เงินที่เคยซื้อทองคำได้แค่ 5 บาท มาซื้อทองคำ Gold Futures ได้ถึง 50 บาท และมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าเดิม 10 เท่า พร้อมๆกับส่วนต่างที่น้อยลงไปอีกบาทละ 80 บาทข้อดีที่ชัดๆของ Gold Futures ที่ผมเห็น คือโอกาสในการขายก่อน หรือเล่นในตลาดช่วงขาลง กรณีไม่มีของอยู่ในมือ ซึ่งทองคำของจริง หรือ KGOLD หรือ TMBGOLD ไม่สามารถทำได้ ได้แต่รออย่างเดีย แต่อย่าเพิ่งนอนใจนะครับ นั่นเป็นด้านดีที่ทำให้คนเข้าสู่ตลาดจนลืมด้านไม่ดี คือมันสามารถพาคุณขาดทุนได้เพิ่มขึ้นอีก 10 เท่าด้วยเหมือนกัน
4. การลงทุนแบบ Gold spot (แนะนำ)
Gold Spot คือ สัญญาซื้อขายราคาทองคำในตลาดโลก ที่สามารถซื้อ-ขายได้ทันที โดยผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินทั้งจำนวน แค่วางเงินส่วนหนึ่งไว้กับโบรกเกอร์ก่อนส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อเป็นเงินมัดจำ หรือเรียกว่า เงินหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin)โดยที่เราจะเน้นทำกำไร จากส่วนต่างของการซื้อขายราคาทองในตลาดโลก โดยราคาทองจะมีหน่วยเป็นเงินดอลล่าร์ (USD) ต่อน้ำหนัก 1 ออนซ์ (Ounce) โดยที่ราคาทองจะวิ่งขึ้นลงตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ โดยมีแรงซื้อขายจากตลาดทั่วโลก ซึ่งสามารถทำการซื้อขายทองคำด้วยพอร์ทลงทุนของผู้เล่นเอง และสามารถทำกำไรได้ทั้งที่ภาวะราคาทองขาขึ้นและราคาทองขาลง ด้วยคุณลักษณะเด่นที่สามารถซื้อก่อนขายหรือขายก่อนซื้อก็ได้ และใช้เงินลงทุนน้อยการเล่น Gold spot สามารถทำการเล่นโดยผ่านโปรเกอร์ (Broker) หรือบริษัทตัวแทนการซื้อขาย ของท่างต่างประเทศ ซึ่งสำหรับนักลงทุนทองคำชาวไทย ก็สามารถสมัครเปิดบัญชีเพื่อเทรด Gold spot กับทางบริษัทตัวแทนได้ บริษัทตัวแทนการซื้อขายที่เราแนะนำในที่นี้คือ
Exness เป็นโบรกเกอร์ Forex(อัตราแลกเปลี่ยน) ที่สามารถลงทุนซื้อ-ขายทองคำโดยอ้างอิงราคาทองคำจากตลาดโลก เล่นได้ 2 ขา ขาขึ้นและขาลงเนื่องจากมีค่า spread(คอมมิชชั่น) ที่ค่อนข้างต่ำ การฝากเงินไม่ยุ่งยาก สามารถใช้ Internet Ibanking มี กรุงเทพ กรุงไทย ไทยพาณิชย์ กรุงศรีและกสิกรไทย หรือฝากผ่าน 7 -11 ได้และการถอนเงินก็สามารถถอนเข้าธนาคารไทยได้ทุกธนาคาร
โดยส่วนตัว แล้วผมคิดว่าถ้าเราจะลงทุนทองคำควรเลือกที่ได้ 2 ขา จะดีกว่า ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสภาพไหน? ขาขึ้น หรือ ขาลง เราก็ทำกำไรได้อยู่ดี!! รู้แบบนี้แล้ว จะไม่ลองสมัครเปิดบัญชีหรือครับ? หากท่านยังไม่พร้อมเปิดบัญชี ก็ลองเปิดบัญชีทดลองซื้อ-ขายได้มีเงินปลอมให้เล่น 1 แสนดอลล่า รูปแบบการซื้อ-ขายเหมือนบัญชีจริงๆแต่ต่างกันแค่เงินเป็นเงินปลอมเท่าั้นั้น เอง รูบแบบการซื้อ-ขายจะเป็นโปรแกรมเทรด MT4 ดาวโหลดไโปรแกรมได้หลังสมัครเปิดบัญชีจริงหรือบัญชีทดลอง ซื้อ - ขาย ทองคำ คู่เงิน หุ้น สามารถส่งคำสั่งซื้อ - ขาย ได้ 24 ชั่วโมง จันทร์ - ศุกร์
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,580.0.html
ป้ายกำกับ:
กำไร,
นักลงทุน,
ราคาทอง,
Currency Risk,
Demand,
Hedge Fund,
Price Risk,
supply
หลักนิยม Forex
หลักนิยม Forex (บทความเก่าแรกๆที่หายไปครับ)
------------------------------------------------------------------
การเทรดโฟเร็กจะขาดทุนก็ต่อเมื่อกดขายทั้งยังติดลบ
ต้องรู้ว่าโฟเร็กคืออะไรและต้องเข้าใจถึกำไรที่ได้มาจากอะไร
นักลงทุนที่ดีต้องไม่รีบร้อนและเอา แต่คิดจะได้
ถ้าการตามทุนที่เสียไปทำให้คุณขาดทุน นักเทรดกต้องรู้ว่าวันนี้หลงทาง
ปรับวิธีคิดใหม่เสียโฟเร็กไม่ใช่การพนัน
ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าข่าวสำคัญอย่างไรนักลงทุนควรไปหัดเรียนภาษาสากล
ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนกับ โฟเร็ก ต้องสร้างความมั่นใจให้กับตนเองก่อนเป็นอันดับแรก นั่นคือความรู้ ไม่ใช่ความกล้า
บางครั้งเราต้องใช้ความกล้าเพื่อที่จะตัดสินใจ และต้องยอมรับผลแห่งความล้มเหลวและชัยชนะไปด้วยเช่นกัน
ถ้าทุนยังไม่พร้อม เปรียบเสมือนคุณไร้โล่ที่ดี ถ้าไม่มีความรู้ก็เปรียบเสมือนคุณคือนักรบที่ไร้อาวุธที่ดี
กลยุธการเทรดไม่มีหลักการตายตัวคุณต้องพร้อมที่จะยืดหยุ่นอิสระ
อย่าเอากฎเกณมาผูกมัดการตัดสินใจของคุณและอย่าตัดสินใจโดยไร้กฎเกณ
นัก เทรดที่ดีต้องหมั่นเสพข่าวเสมอ ไม่ใช่ทุกชั่วโมง ทุกนาที แต่ต้องตลอดเวลาถ้าคุณยังหวังจะทำกำไร และสร้างความกระตือรือร้นให้กับตนเองเสมอ
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคา ถ้าคุณไม่รู้ว่ามันคืออะไร คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะลงทุน
อย่า มองกราฟให้เป็นกราฟ ให้มองกราฟเป็นความรู้สึกนักลงทุนทั่วโลก นักเทรดส่วนใหญ่มักจะคิดไม่ต่างกันกับคุณหรอก เพียงแค่คิดตามๆกันล้มกันเป็นโดมิโนไป จุดใดหัวใจคุณบอกให้ขายทำกำไรได้แล้ว เชื่อเถอะ มีอีกหลายล้านคนที่คิดเหมือนคุณและพร้อมจะทำให้กราฟเกิดการเปลี่ยนแปลงถ้า มันมากพอ
ความโลภเป็นจุดกำเนิดของความทะเยอทะยาน และความโลภก็เป็นจุดเกิดของความพินาศทางการเงินเช่นกัน
จะ มากน้อยเงินคือหัวใจหลักอันดับแรกที่คุณต้องมีพอก่อนการลงทุนและต้องคิดถึง ความผิดพลาดทางการเงินในการลงทุนในอนาคตว่ามันจะไม่ทำให้ชีวิตคุณเดือดร้อน
------------------------------------------------------------------
การเทรดโฟเร็กจะขาดทุนก็ต่อเมื่อกดขายทั้งยังติดลบ
ต้องรู้ว่าโฟเร็กคืออะไรและต้องเข้าใจถึกำไรที่ได้มาจากอะไร
นักลงทุนที่ดีต้องไม่รีบร้อนและเอา แต่คิดจะได้
ถ้าการตามทุนที่เสียไปทำให้คุณขาดทุน นักเทรดกต้องรู้ว่าวันนี้หลงทาง
ปรับวิธีคิดใหม่เสียโฟเร็กไม่ใช่การพนัน
ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าข่าวสำคัญอย่างไรนักลงทุนควรไปหัดเรียนภาษาสากล
ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนกับ โฟเร็ก ต้องสร้างความมั่นใจให้กับตนเองก่อนเป็นอันดับแรก นั่นคือความรู้ ไม่ใช่ความกล้า
บางครั้งเราต้องใช้ความกล้าเพื่อที่จะตัดสินใจ และต้องยอมรับผลแห่งความล้มเหลวและชัยชนะไปด้วยเช่นกัน
ถ้าทุนยังไม่พร้อม เปรียบเสมือนคุณไร้โล่ที่ดี ถ้าไม่มีความรู้ก็เปรียบเสมือนคุณคือนักรบที่ไร้อาวุธที่ดี
กลยุธการเทรดไม่มีหลักการตายตัวคุณต้องพร้อมที่จะยืดหยุ่นอิสระ
อย่าเอากฎเกณมาผูกมัดการตัดสินใจของคุณและอย่าตัดสินใจโดยไร้กฎเกณ
นัก เทรดที่ดีต้องหมั่นเสพข่าวเสมอ ไม่ใช่ทุกชั่วโมง ทุกนาที แต่ต้องตลอดเวลาถ้าคุณยังหวังจะทำกำไร และสร้างความกระตือรือร้นให้กับตนเองเสมอ
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคา ถ้าคุณไม่รู้ว่ามันคืออะไร คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะลงทุน
อย่า มองกราฟให้เป็นกราฟ ให้มองกราฟเป็นความรู้สึกนักลงทุนทั่วโลก นักเทรดส่วนใหญ่มักจะคิดไม่ต่างกันกับคุณหรอก เพียงแค่คิดตามๆกันล้มกันเป็นโดมิโนไป จุดใดหัวใจคุณบอกให้ขายทำกำไรได้แล้ว เชื่อเถอะ มีอีกหลายล้านคนที่คิดเหมือนคุณและพร้อมจะทำให้กราฟเกิดการเปลี่ยนแปลงถ้า มันมากพอ
ความโลภเป็นจุดกำเนิดของความทะเยอทะยาน และความโลภก็เป็นจุดเกิดของความพินาศทางการเงินเช่นกัน
จะ มากน้อยเงินคือหัวใจหลักอันดับแรกที่คุณต้องมีพอก่อนการลงทุนและต้องคิดถึง ความผิดพลาดทางการเงินในการลงทุนในอนาคตว่ามันจะไม่ทำให้ชีวิตคุณเดือดร้อน
วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558
Forex กับกฎหมายไทย
Forex กับกฎหมายไทย
Forex กับ กฎหมายไทยหลาย ท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่า Forex ในต่างประเทศมีมานานแล้ว และถูกกฎหมาย(ของต่างประเทศ) ซึ่งตลาดตรงนี้ใหญ่มาก และถือเป็นแหล่งลงทุนของนักลงทุนที่แท้จริง (ระดับสูงกว่าการเล่นหุ้น) แต่ทำไมไม่ทราบ ประเทศไทยกลับกลายเป็นว่าการลงทุนในด้าน Forex ผิดกฎหมาย ?? ถือมีความจำเป็นยิ่งในประเทศไทย มีผู้ที่ให้บริการและที่ใช้บริการได้แบบไม่ผิดกฎหมายอยู่ ก็คือ พวกสถาบันการเงิน ธนาคารต่างๆ นั่นเอง ทำไมถึงจำกัดวงแคบ แค่นี้ ? ทั้งๆ ที่หากคุณศึกษาดูจะเห็นว่า ธนาคารต่างๆ ได้กำไรจาก Forex มากมายจริงๆ แต่ไม่อนุญาตให้บุคคลธรรมดา ทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้ ? นายแบงก์ระดับสูงบางคน Trade Forex เพื่อธนาคารของตนเองอย่างถูกกฎหมาย แม้กระทั่งผู้ว่าการธนาคารบางคน ยังเป็นประธานชมรม Forex แห่งประเทศไทยได้เลย (อย่างถูกต้องตามกฎหมาย) แต่ใครจะรู้ว่าบุคคลเหล่านี้อาจจะมีผลประโยชน์ทางอ้อม หรือ ทางตรง เค้าได้ Trade เองด้วยหรือไม่? Forex อนุญาตให้แค่คนกลุ่มเล็กๆ ในไทยเท่านั้นที่ทำได้!
จริงๆ แล้วทำเสียอยู่ช่วงหนึ่งเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ได้มีพวกกลุ่มแชร์ลูกโซ่ ทำการเปิดบริษัท Forex บังหน้า แต่ว่าทางการเงินจริงๆ แล้ว ไม่ได้ Trade จริงๆ แต่หลอกให้ คนโอนเงินมาไว้กับตนเยอะๆ เอาเงินคนเสียมาจ่ายคนได้ ซึ่งโดยรวมแล้วจะมีคนได้น้อยกว่าคนเสีย ทำให้บริษัทอยู่ได้ แต่พอนานๆ เข้า คนได้มีมากกว่าหรือ อาจจะเพราะบริษัทต้องการปิดหนีเลยไม่จ่าย ตรงนี้ไม่ทราบ!แต่ที่แน่ๆ คนเดือดร้อน คือประชาชนที่ลงเงินลงทุนไปแล้ว ไม่สามารถตามเงินคืนได้
ความเสียหายนี้เกิดเป็นวง กว้างหลายพันล้านบาท จึงทำให้รัฐต้องออกกฎหมายเพื่อระงับแชร์ลูกโซ่ประเภทนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้Forex บังหน้า ผลก็คือ ตั้งแต่นั้นมา Forex เลยถูกห้าม เพราะจะคิดว่าเป็นการหลอกลวงมาตลอด จนถึงปัจจุบัน (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ แต่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของแชร์ลูกโซ่เฉยๆ) ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็เลยห้ามมาตลอด ผมกลับคิดว่า ตอนมีแชร์ข้าวสาร ทำไมไม่ห้ามซื้อขายข้าวสารล่ะ ?? จะได้เข้าใจว่าForex ไม่ได้ผิดอะไร การไม่เปิดให้บริการทำให้ระบบการเงินของประเทศไม่มีความหลากหลายอีกด้วยซ้ำ
ซ้ำ ร้าย นับแต่นั้นเรื่อยมา กลุ่มปราบปรามการเงินนอกระบบ จึงตั้งหน้าตั้งตาม ปิดบริษัท ในเมืองไทยมาตลอด โดยจะห้ามเด็ดขาดและหากจับได้ก็จะใช้ พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เป็นบทลงโทษ (ดูซิครับ!ขนาดกฎหมายที่ห้าม ยังดูไม่ค่อยออกเลยว่ามันผิดที่ Forex หรือคนที่นำไปเป็นเครื่องมือ) จนปัจจุบันเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตดีขึ้น คนที่หาข้อมูลหา ธุรกิจ จะทราบดีแล้วว่า Forexเป็นเรื่องทั่วไป เป็นปกติของตลาดโลก (แต่ลองถาม ชาวบ้านทั่วๆ ไป เค้าจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งหลอกลวงแทน) ตอนนี้ใครจะเล่นก็ได้ครับ เพราะเล่นกับผู้ให้บริการที่ถูกกฎหมาย(ของต่างประเทศ) แทนแล้ว ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ก็คือ คุณเล่นการพนันผิดกฎหมายในไทย แต่ถ้าคุณไปเล่นลาสเวกัสมันก็ไม่ผิดอะไร แน่นอนปัจจุบันรัฐก็พยายามเต็มที่อย่างไม่ลืมหูลืมตาจับคนให้บริการ Forex หรือ คนเล่นมาลงโทษไม่ได้ ผมเลยอยากจะเตือนใจคนเล่น Forex จุดนี้ไว้
คุณ รู้ไหม รัฐเคยออกข่าวด้วยนะครับว่า มีคนไทยเปิดบริษัทหลอกลวงให้บริการForex โดยใช้เว็บไซต์เป็นสื่อกลางชื่อว่า Northfinance แล้วคิดดูครับว่า เค้าหลับหูหลับตาทำขนาดไหน..?
ตอนนี้ รัฐพอจะทราบแล้วครับว่าแนวโน้มต่อไปไม่ใช่บริษัทหลอกลวงในไทยแล้วครับ แต่เป็นว่าการเข้าถึงบริษัทForex ในต่างประเทศจริงๆ นั้น ทำได้ง่ายขึ้นในวันนี้เพราะมี Internet แน่นอน เค้ายังไม่ยอมแพ้ครับ เลยออกกฎมาเพิ่มเติม ดังนี้
1. กรณีผู้ให้บริการอยู่ในประเทศไทย การทำธุรกรรมดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีความผิดตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
2. กรณีผู้ให้บริการดังกล่าวอยู่ต่างประเทศ เมื่อบุคคลในประเทศต้องโอนเงินออกไปเพื่อชำระหนี้ตามธุรกรรมซื้อขายแลก เปลี่ยนเงิน จะไม่ได้รับอนุญาตให้โอนเงินออก และมีความผิดตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
คำว่าผู้ให้บริการ ที่เราๆ เข้าใจกันก็คือBroker นะครับ ถ้าเล่นผ่านเน็ตส่วนใหญ่ข้อ 1 ก็ตัดทิ้งไปได้เลย แต่ข้อ 2 ผมแนะให้สมาชิกทราบกันนิด เค้าอาจจะเอาผิดคุณได้ ถ้ามีหลักฐานว่าคุณเล่น Forex ที่ต่างประเทศ โดยหลักฐานที่ว่าน่าจะเป็น การโอนเงินให้กับ Broker โดยตรง เช่น การไปโอนที่ธนาคาร หรือ การตัดบัตรเครดิต หรือการโอนเงินกลับมาในประเทศจาก Broker ตัดโดยตรง
ดูซิครับ! เค้าจะเล่นงานคุณขนาดไหน แต่วันนี้ คุณ ยังไม่ต้องกลัวนะครับถ้ายังไม่ได้ทำธุรกรรมกับการเงินกับทาง Broker โดยตรง เพราะหากเป็นแค่การใช้งานโปรแกรมจริงๆ แล้วไม่มีหลักฐานทางการเงิน ก็เหมือนกับคุณเล่นเกมส์ Poker เงินปลอมเท่านั้นเอง ไม่ผิดอะไร เป็นแค่ความบันเทิงใจของเรา
ผมไม่ใช่พวกต่อ ด้านกฎหมายนะครับ คิดว่ากฎหมายการฟอกเงิน กฎหมายเกี่ยวกับ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องบอกว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่จริงๆ แล้ว ไม่ควรเหมารวมเอาForex เป็นเครื่องมือ และน่าจะเปิดเสรีด้านนี้ไปได้แล้ว จะได้เจริญตามต่างประเทศที่เค้ามี Forex ถูกกฎหมายกันซะที ประเทศที่ไม่มีอะไรเลย เช่น สิงค์โปร ฮ่องกง ทำตัวเป็น Broker อย่างเดียวก็รวยกว่าเราแล้ว ทำไมเราทำให้ดีได้กลับไม่ทำแถมห้ามอีก
จากคนเคยโดยรัฐเล่นงาน
admin สนับสนุนไม่ให้คุณถูกหลอกนะครับ ข่าวบางอย่างก็ถูกต้องและควรรับฟังอย่างยิ่ง และสนับสนุนให้คุณไม่ทำผิดกฎหมายด้วยนะครับ กฎเค้าออกอะไรมา เลี่ยงได้ก็อย่าไปฝืนกฎนะครับ แต่ถ้าไม่ผิดกฎและคิดว่าไม่ถูกหลอกก็ทำไปได้เลยครับ เดี๋ยวอนาคตรัฐคงเข้าใจ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,108.0.html
Forex กับ กฎหมายไทยหลาย ท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่า Forex ในต่างประเทศมีมานานแล้ว และถูกกฎหมาย(ของต่างประเทศ) ซึ่งตลาดตรงนี้ใหญ่มาก และถือเป็นแหล่งลงทุนของนักลงทุนที่แท้จริง (ระดับสูงกว่าการเล่นหุ้น) แต่ทำไมไม่ทราบ ประเทศไทยกลับกลายเป็นว่าการลงทุนในด้าน Forex ผิดกฎหมาย ?? ถือมีความจำเป็นยิ่งในประเทศไทย มีผู้ที่ให้บริการและที่ใช้บริการได้แบบไม่ผิดกฎหมายอยู่ ก็คือ พวกสถาบันการเงิน ธนาคารต่างๆ นั่นเอง ทำไมถึงจำกัดวงแคบ แค่นี้ ? ทั้งๆ ที่หากคุณศึกษาดูจะเห็นว่า ธนาคารต่างๆ ได้กำไรจาก Forex มากมายจริงๆ แต่ไม่อนุญาตให้บุคคลธรรมดา ทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้ ? นายแบงก์ระดับสูงบางคน Trade Forex เพื่อธนาคารของตนเองอย่างถูกกฎหมาย แม้กระทั่งผู้ว่าการธนาคารบางคน ยังเป็นประธานชมรม Forex แห่งประเทศไทยได้เลย (อย่างถูกต้องตามกฎหมาย) แต่ใครจะรู้ว่าบุคคลเหล่านี้อาจจะมีผลประโยชน์ทางอ้อม หรือ ทางตรง เค้าได้ Trade เองด้วยหรือไม่? Forex อนุญาตให้แค่คนกลุ่มเล็กๆ ในไทยเท่านั้นที่ทำได้!
จริงๆ แล้วทำเสียอยู่ช่วงหนึ่งเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ได้มีพวกกลุ่มแชร์ลูกโซ่ ทำการเปิดบริษัท Forex บังหน้า แต่ว่าทางการเงินจริงๆ แล้ว ไม่ได้ Trade จริงๆ แต่หลอกให้ คนโอนเงินมาไว้กับตนเยอะๆ เอาเงินคนเสียมาจ่ายคนได้ ซึ่งโดยรวมแล้วจะมีคนได้น้อยกว่าคนเสีย ทำให้บริษัทอยู่ได้ แต่พอนานๆ เข้า คนได้มีมากกว่าหรือ อาจจะเพราะบริษัทต้องการปิดหนีเลยไม่จ่าย ตรงนี้ไม่ทราบ!แต่ที่แน่ๆ คนเดือดร้อน คือประชาชนที่ลงเงินลงทุนไปแล้ว ไม่สามารถตามเงินคืนได้
ความเสียหายนี้เกิดเป็นวง กว้างหลายพันล้านบาท จึงทำให้รัฐต้องออกกฎหมายเพื่อระงับแชร์ลูกโซ่ประเภทนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้Forex บังหน้า ผลก็คือ ตั้งแต่นั้นมา Forex เลยถูกห้าม เพราะจะคิดว่าเป็นการหลอกลวงมาตลอด จนถึงปัจจุบัน (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ แต่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของแชร์ลูกโซ่เฉยๆ) ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็เลยห้ามมาตลอด ผมกลับคิดว่า ตอนมีแชร์ข้าวสาร ทำไมไม่ห้ามซื้อขายข้าวสารล่ะ ?? จะได้เข้าใจว่าForex ไม่ได้ผิดอะไร การไม่เปิดให้บริการทำให้ระบบการเงินของประเทศไม่มีความหลากหลายอีกด้วยซ้ำ
ซ้ำ ร้าย นับแต่นั้นเรื่อยมา กลุ่มปราบปรามการเงินนอกระบบ จึงตั้งหน้าตั้งตาม ปิดบริษัท ในเมืองไทยมาตลอด โดยจะห้ามเด็ดขาดและหากจับได้ก็จะใช้ พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เป็นบทลงโทษ (ดูซิครับ!ขนาดกฎหมายที่ห้าม ยังดูไม่ค่อยออกเลยว่ามันผิดที่ Forex หรือคนที่นำไปเป็นเครื่องมือ) จนปัจจุบันเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตดีขึ้น คนที่หาข้อมูลหา ธุรกิจ จะทราบดีแล้วว่า Forexเป็นเรื่องทั่วไป เป็นปกติของตลาดโลก (แต่ลองถาม ชาวบ้านทั่วๆ ไป เค้าจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งหลอกลวงแทน) ตอนนี้ใครจะเล่นก็ได้ครับ เพราะเล่นกับผู้ให้บริการที่ถูกกฎหมาย(ของต่างประเทศ) แทนแล้ว ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ก็คือ คุณเล่นการพนันผิดกฎหมายในไทย แต่ถ้าคุณไปเล่นลาสเวกัสมันก็ไม่ผิดอะไร แน่นอนปัจจุบันรัฐก็พยายามเต็มที่อย่างไม่ลืมหูลืมตาจับคนให้บริการ Forex หรือ คนเล่นมาลงโทษไม่ได้ ผมเลยอยากจะเตือนใจคนเล่น Forex จุดนี้ไว้
คุณ รู้ไหม รัฐเคยออกข่าวด้วยนะครับว่า มีคนไทยเปิดบริษัทหลอกลวงให้บริการForex โดยใช้เว็บไซต์เป็นสื่อกลางชื่อว่า Northfinance แล้วคิดดูครับว่า เค้าหลับหูหลับตาทำขนาดไหน..?
ตอนนี้ รัฐพอจะทราบแล้วครับว่าแนวโน้มต่อไปไม่ใช่บริษัทหลอกลวงในไทยแล้วครับ แต่เป็นว่าการเข้าถึงบริษัทForex ในต่างประเทศจริงๆ นั้น ทำได้ง่ายขึ้นในวันนี้เพราะมี Internet แน่นอน เค้ายังไม่ยอมแพ้ครับ เลยออกกฎมาเพิ่มเติม ดังนี้
1. กรณีผู้ให้บริการอยู่ในประเทศไทย การทำธุรกรรมดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีความผิดตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
2. กรณีผู้ให้บริการดังกล่าวอยู่ต่างประเทศ เมื่อบุคคลในประเทศต้องโอนเงินออกไปเพื่อชำระหนี้ตามธุรกรรมซื้อขายแลก เปลี่ยนเงิน จะไม่ได้รับอนุญาตให้โอนเงินออก และมีความผิดตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
คำว่าผู้ให้บริการ ที่เราๆ เข้าใจกันก็คือBroker นะครับ ถ้าเล่นผ่านเน็ตส่วนใหญ่ข้อ 1 ก็ตัดทิ้งไปได้เลย แต่ข้อ 2 ผมแนะให้สมาชิกทราบกันนิด เค้าอาจจะเอาผิดคุณได้ ถ้ามีหลักฐานว่าคุณเล่น Forex ที่ต่างประเทศ โดยหลักฐานที่ว่าน่าจะเป็น การโอนเงินให้กับ Broker โดยตรง เช่น การไปโอนที่ธนาคาร หรือ การตัดบัตรเครดิต หรือการโอนเงินกลับมาในประเทศจาก Broker ตัดโดยตรง
ดูซิครับ! เค้าจะเล่นงานคุณขนาดไหน แต่วันนี้ คุณ ยังไม่ต้องกลัวนะครับถ้ายังไม่ได้ทำธุรกรรมกับการเงินกับทาง Broker โดยตรง เพราะหากเป็นแค่การใช้งานโปรแกรมจริงๆ แล้วไม่มีหลักฐานทางการเงิน ก็เหมือนกับคุณเล่นเกมส์ Poker เงินปลอมเท่านั้นเอง ไม่ผิดอะไร เป็นแค่ความบันเทิงใจของเรา
ผมไม่ใช่พวกต่อ ด้านกฎหมายนะครับ คิดว่ากฎหมายการฟอกเงิน กฎหมายเกี่ยวกับ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องบอกว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่จริงๆ แล้ว ไม่ควรเหมารวมเอาForex เป็นเครื่องมือ และน่าจะเปิดเสรีด้านนี้ไปได้แล้ว จะได้เจริญตามต่างประเทศที่เค้ามี Forex ถูกกฎหมายกันซะที ประเทศที่ไม่มีอะไรเลย เช่น สิงค์โปร ฮ่องกง ทำตัวเป็น Broker อย่างเดียวก็รวยกว่าเราแล้ว ทำไมเราทำให้ดีได้กลับไม่ทำแถมห้ามอีก
จากคนเคยโดยรัฐเล่นงาน
admin สนับสนุนไม่ให้คุณถูกหลอกนะครับ ข่าวบางอย่างก็ถูกต้องและควรรับฟังอย่างยิ่ง และสนับสนุนให้คุณไม่ทำผิดกฎหมายด้วยนะครับ กฎเค้าออกอะไรมา เลี่ยงได้ก็อย่าไปฝืนกฎนะครับ แต่ถ้าไม่ผิดกฎและคิดว่าไม่ถูกหลอกก็ทำไปได้เลยครับ เดี๋ยวอนาคตรัฐคงเข้าใจ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,108.0.html
วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558
คุณต้องมีลูกน้อง
fund ใหญ่ๆ มักมีระบบเทรดอัติโนมัติ เพราะเขาเป็นองค์กรแสวงผลกำไร ดังนั้นเข้าจึงต้องทำทุกวิถีทางให้เกิดกำไร โดยมีทั้งเทรดเดอร์ประจำ fund และ ระบบอัติโนมัติ ช่วยตลอดเวลา จะเห็นได้ว่าองค์กรใหญ่ๆ ยังไม่ปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเราจะนำมันมาประยุกต์ให้เข้ากับเราได้อย่างไร ?
1.คุณต้องเป็นเทรดเดอร์ที่มีระบบส่วนตัวที่สามารถทำกำไรได้
2.คุณต้องมีผู้ช่วยที่ซื่อสัตย์ คือ อีเอ (ที่คุณเข้าใจการทำงานของมันจริงๆ)
3.คุณต้อง MM โดยที่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีของ Fund ของคุณ
4.หากคุณต้องการเดิมพัน กับตลาด คุณต้องมั่นใจว่าคุณมีโอกาสถูกทางมากกว่า 90%
5.ลูกน้องคุณคือเงินของคุณ และผู้จัดการคุณคือ อีเอ ส่วนคุณคือ นักลงทุน
6.คุณต้องไว้ใจผู้จัดการของคุณ หน้าที่ของคุณคือคอยติดตามการทำงานของ ผู้จัดการของคุณ หากเมื่อไหร่ ผู้จัดการของคุณ บริหารผิดพลาดมากเกินแนวรับ (หลุดเทรนขาขึ้น) นั่นหมายความว่า ผู้จัดการของคุณ เริ่มมีปัญหาเสียแล้ว คุณควรจะพักงานเขา ให้เขาไปพักร้อนสักระยะ ก่อนจะกลับมาทำงานอีกครั้ง
7. คุณควรรู้ว่าผู้จัดการคนนี้ มีความสามารถในการทำกำไรให้แก่คุณในสภาวะตลาดแบบใด และการบริหารของเขา มีลักษณะแบบใด เช่น อึดถึก กล้าได้กล้าเสีย ตัดสินใจรวดเร็ว แต่มักจะได้ผลตอบแทนต่ำๆ
8. คุณสามารถมีผู้จักการกองทุนของคุณได้มากกว่า 1 แต่คุณต้องรู้ว่าการ นำผู้จัดการคุณหลายคนมารวมกัน มันอาจจะทำให้คุณต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่มขึ้นเวลาเขาเหล่านั้นบริหารกองทุนของคุณผิดพลาดพร้อมๆกัน
9.กองทุนที่ไม่มีคุณภาพ เพราะผู้บริหารใช้ทุนในการบริหารมากเกินไป แต่กำไรน้อย
10.กองทุนที่มีคุณภาพ มักใช้ทุนในการบริหารที่น้อย แต่มีผลกำไรสูง
วันนี้คุณมีกองทุนส่วนตัวกันหรือยังครับ ?
|
วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557
สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อขาดทุน
สิ่งที่เราควรปฏิบัติเมื่อขาดทุน...อาจจะใช้คำว่า "ควร" อย่างเดียวก็ไม่ถูก ต้องใช้คำว่า "ต้อง!!"
เพราะมันคือสิ่งที่ Trader ทุกคน ย้ำนะครับว่า ทุกคน!! ต้องทำ
สิ่งที่เราต้องทำคือ Cut Loss แปลง่ายๆก็คือ หยุดขาดทุน
เมื่อทิศทางของกราฟไม่เป็นไปตามที่เราคาด เราควรจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ไม่งั้น อาจจะหมดตูดได้...
สิ่งที่นักลงทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จทำก็ คือ ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการ
เมื่อเกิดการขาดทุน จะมีความรู้สึกว่า "ต้องเอาคืนมาให้ได้เลย"
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดแบบนั้นละ ก็ล้างพอร์ตกันแทบทุกราย เอาง่ายๆคือตายเรียยบ...
ควรตั้ง Cut Loss ไว้ไม่เกิน 30% ของทุนทั้งหมด
เมื่อทำการ Cut Loss เสร็จก็ควรใจเย็นๆ แล้วหาจังหวะเข้าใหม่โดยไร้อารมณ์ตอนที่ขาดทุนไป
"ชีวิคคนเรามีขึ้น ก็ต้องมีลง"
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,107.0.html
เพราะมันคือสิ่งที่ Trader ทุกคน ย้ำนะครับว่า ทุกคน!! ต้องทำ
สิ่งที่เราต้องทำคือ Cut Loss แปลง่ายๆก็คือ หยุดขาดทุน
เมื่อทิศทางของกราฟไม่เป็นไปตามที่เราคาด เราควรจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ไม่งั้น อาจจะหมดตูดได้...
สิ่งที่นักลงทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จทำก็ คือ ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการ
เมื่อเกิดการขาดทุน จะมีความรู้สึกว่า "ต้องเอาคืนมาให้ได้เลย"
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดแบบนั้นละ ก็ล้างพอร์ตกันแทบทุกราย เอาง่ายๆคือตายเรียยบ...
ควรตั้ง Cut Loss ไว้ไม่เกิน 30% ของทุนทั้งหมด
เมื่อทำการ Cut Loss เสร็จก็ควรใจเย็นๆ แล้วหาจังหวะเข้าใหม่โดยไร้อารมณ์ตอนที่ขาดทุนไป
"ชีวิคคนเรามีขึ้น ก็ต้องมีลง"
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,107.0.html