lot คือ อะไร?
ฟอร์เร็ก
ซ์ จะเทรดเป็น lot ขนาดมาตรฐานของ 1 ลอท คือ 100,000 ยูนิท
ซึ่งก็มีบัญชีแบบ มินิลอท เหมือนกัน ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 10,000 ยูนิท
และอย่างที่บอกว่า ค่าเงินนั้นคิดเป็น pip
เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของค่าเงินนั้น ๆ
ในการที่จะทำให้เราได้ประโยชน์จากจุดเล็ก ๆ จุดนี้ คือเราต้องเทรดจำนวนมาก
จึงจะเห็น กำไร-ขาดทุน ชัดเจน
เช่น เราใช้ 100,000 ยูนิท (เท่ากับ 1 สแตนดาร์ดลอท) ลองยกมาคำนวณ เพื่อให้เห็นว่ามันส่งผลยังไง
USD/JPY ที่อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 119.80
(.01/119.80)x100,000 = 8.34 เหรียญต่อจุด
USD/CHF ที่อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ1.4555
(.0001/1.4555)x100,000 = 6.87 เหรียญ ต่อจุด
ถ้าในกรณีที่เงินดอลล่าร์อยู่ข้างหลัง การคำนวณก็จะแตกต่างกันเล็กน้อย
EUR/USD ที่อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 1.1930
(.0001/1.1930)x100,000 = 8.38x1.1930 = 9.99734 ถ้าปัดเศษได้ก็จะเท่ากับ 10 เหรียญต่อจุด
GBP/USD ที่อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 1.8040 (.0001 / 1.8040) x 100,000 = 5.54 x 1.8040 = 9.99416 ถ้าปัดเศษก็จะได้เท่ากับ 10 ต่อจุด.
โบ
รคเกอร์ของคุณ อาจจะมีวิธีการคิดมูลค่าของ pip ที่แตกต่างกันออกไป
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีการไหน พวกเขา สามารถ บอกได้ว่า
ค่าเงินที่คุณกำลังเทรดมูลค่าต่อหนึ่งจุดนั้น
เป็นเท่าไหร่ในช่วงที่คุณกำลังเทรด ซึ่งถ้าตลาด มีการเคลื่อนไหว
มูลค่าต่อจุดจะขึ้นอยู่กับ ค่าเงินที่คุณกำลังเทรดอยู่
แล้วเราจะคำนวณกำไรขาดทุนได้อย่างไร
ตอนนี้ คุณรู้ว่าจะคำนวณมูลค่าต่อจุดอย่างไร ลองมาดูต่อว่า เราจะคำนวณกำไร-ขาดทุนได้อย่างไร
เช่น เราซื้อดอลล่าร์สหรัฐ และขายสวิสฯฟรังค์ (usd/chf)
สมมุติว่า อัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้อยู่ที่ 1.4525/1.4530 (bid/Offer) เพราะว่าคุณกำลังซื้อเงินดอลล่าร์คุณจะได้ราคาที่ 1.4530
ถ้า
ซื้อที่ 1 สแตนดาร์ด ลอท (100,000 ยูนิท) ที่ราคา 1.4530.
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ราคาเคลื่อนไหวขึ้นไปที่ 1.4550
และคุณตัดสินใจที่จะปิดออร์เดอร์
อัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้จะเท่ากับ
1.4550/1.4555 หลังจากที่ปิดออร์เดอร์ เรากลับไปดูตั้งแต่ที่
ซื้อจนปล่อยขาย เพื่อปิดออร์เดอร์ คุณจะได้ราคาที่ 1.4550
ซึ่งเป็นราคาที่เราปิดได้
ความแตกต่างของ 1.4530 กับ 1.4550 คือ .0020 หรือเท่ากับ 20 pip
เราใช้สูตรก่อนหน้านี้ เราก็จะได้ (.0001/1.4550) x 100,000 1= 6.87 ต่อจุด x ด้วย 20 จุด ซึ่งจะได้กำไรทั้งหมด 137.40 เหรียญ
จำไว้ว่า เมื่อคุณเข้าหรือออก จากการเทรด คุณจะต้องจ่ายค่า spread เหล่านั้นด้วย ซึ่งก็คือส่วนต่างระหว่าง Bid/Offer ดังกล่าว
เมื่อ Buy ค่าเงินค่าเงินหนึ่ง คุณจะต้องเสนอ(offer)ราคา และเมื่อ Sell คุณก็ต้องตั้ง(Bid)ราคา
** ดังนั้นเมื่อ Buy ค่าเงิน คุณจะต้องจ่าย spread เมื่อเข้าเทรด แต่ไม่ต้องจ่ายเมื่อปิดออร์เดอร์
** และเมื่อ Sell ค่าเงิน คุณไม่ต้องจ่าย spread ตอนเข้าเทรด แต่คุณจะต้องจ่ายเมื่อคุณปิดออร์เดอร์
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,551.0.html
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ออร์เดอร์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ออร์เดอร์ แสดงบทความทั้งหมด
วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ความแตกต่างของแต่ล่ะบัญชีโบรก Exness
ความแตกต่างของแต่ล่ะบัญชีของโบรก Exness
การเปิดบัญชีเงินจริงประเภทต่างๆของโบรก Exness
บัญชี Cent Exness
เหมาะ สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นใหม่ๆ เวลาฝากเงินจะมีหน่วยลงทุนเป็นเซ็นต์ เช่น เราฝาก 1 ดอลก็มีในบัญชี 100 เซ็นต์ ฝาก10 ดอลก็จะมีเงินในบัญชี 1000 เซ็น ได้กำไรน้อย ขาดทุนน้อย บัญชีเซ็นเป็นบัญชีปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่จริงๆ แต่ถ้าเราเก่งแล้ว หมายถึงมีความโลภขึ้นก็เปิดบัญชี Mini ได้เลย
ขั้นต่ำในการฝากก็คือ 1 ดอลล่า เท่ากับ 100 เซ็นนะคัฟ ถือครองออร์เดอร์ได้ไม่เกิน 50 ออร์เดอร์
บัญชี Mini Exness
เหมาะ สำหับผู้เริ่มต้นเช่นกันไม่ว่าคุณจะเปิดบัญชีแบบ Cent หรือ Mini ก็ถือว่าเป็นผู้เริ่มต้น ความแตกต่างของบัญชี Mini ก็คือ เวลาฝากเงินจะมีหน่วยเป็นดอลล่า เช่น ฝาก 1 ดอล(30บาท) ก็มีในบัญชี 1ดอล ฝาก 10 ดอล(300บาท) ก็มีเงินในบัญชี 10 ดอล บัญชี Mini เป็นบัญชีที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากบัญชี Cent มาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งหน่วยลงทุนมันเป็นดอลล่า ฉนั้นเวลาซื้อ-ขาย คู่เงินใดๆ คุณมีโอกาสที่จะได้กำไรมากขึ้น หรือ ขาดทุนมากขึ้นเช่นกัน ได้ก็ได้เป็นดอลล่าไปเลย เสียก็เสียเป็นดอลล่าเช่นกัน ถ้ากำไรแล้วนำมาแลกเป็นเงินไทยก็เป็นค่าขนมได้ในวันนั้น ถ้าเทรดเสียวันนั้นกินแกลบกันต่อไป..อิิอิ
ขั้นต่ำในการฝากก็คือ 10 ดอลล่านะคัฟ ถือครองออร์เดอร์ได้ไม่เกิน 50 ออร์เดอร์
บัญชี Classic Exness
เหมาะ สำหรับผู้ที่มีทุนเยอะ ทุนหนาๆ หรือผู้ที่เป็นเทรดเดอร์มาก่อน(มืออาชีพ)แล้วมีเงินสะสมเพิ่มขึ้น บัญชีนี้มันดีอย่างไร? แน่นอนบัญชีที่มีการเริ่มต้นด้วยเงินสูงๆย่อมมีของดีอยู่ในตัวเช่นกัน ในโปรแกรมเทรด MT4 นั้นก็จะมีเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นเช่นกัน รวมไปถึง sever ก็ไหลลื่นดีอีกด้วย บัญชีนี้เริ่มต้นด้วยทุน 5000 ดอลล่า
บัญชี ECN Exness
เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมืออาชีพแล้วหรือผู้เริ่มต้นใหม่ที่มีทุนเยอะ บัญชีนี้มันดีอย่างไร?
1.Server นั้นไวมาก ส่งคำสั่งซื้อ - ขาย ไวมากไม่ดีเลย์(ถึงดีเลย์ก็น้อยมาก)
2.ซื้อ - ขายกับผู้เล่นอื่นๆทั่วโลกโดยตรงผ่านแบงค์ (จริงๆเก็เล่นโปรแกรม MT4)
3.สเปรดเริ่มต้น 0 (ค่คอมที่เปิดออร์เดอร์)
4.ไม่มีข้อจำกัดในการเทรดสามารถสั่งคำสั่งซื้อ - ขาย ได้เรื่อยๆ Dont Limit
5.ECN จะมี Connnection Bridge ที่เชื่อมกันหลายเจ้าและมี Volumn ที่เกิดจากธนาคารใหญ่ๆและสถาบันการเงินมากมายมาแจมด้วยครับ..อิอิ
6.แน่นอนก็ต้องมีเครื่องมือการวิเคราะห์ที่มากขึ้นเช่นกันคัฟ
ข้อเสีย
1.ค่าคอมโหด 25 ดอลอย่างต่ำ
2.เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1000 ดอล(เฉพาะคนโหดๆเท่านั้นอิอิ)
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,536.0.html
การเปิดบัญชีเงินจริงประเภทต่างๆของโบรก Exness
บัญชี Cent Exness
เหมาะ สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นใหม่ๆ เวลาฝากเงินจะมีหน่วยลงทุนเป็นเซ็นต์ เช่น เราฝาก 1 ดอลก็มีในบัญชี 100 เซ็นต์ ฝาก10 ดอลก็จะมีเงินในบัญชี 1000 เซ็น ได้กำไรน้อย ขาดทุนน้อย บัญชีเซ็นเป็นบัญชีปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่จริงๆ แต่ถ้าเราเก่งแล้ว หมายถึงมีความโลภขึ้นก็เปิดบัญชี Mini ได้เลย
ขั้นต่ำในการฝากก็คือ 1 ดอลล่า เท่ากับ 100 เซ็นนะคัฟ ถือครองออร์เดอร์ได้ไม่เกิน 50 ออร์เดอร์
บัญชี Mini Exness
เหมาะ สำหับผู้เริ่มต้นเช่นกันไม่ว่าคุณจะเปิดบัญชีแบบ Cent หรือ Mini ก็ถือว่าเป็นผู้เริ่มต้น ความแตกต่างของบัญชี Mini ก็คือ เวลาฝากเงินจะมีหน่วยเป็นดอลล่า เช่น ฝาก 1 ดอล(30บาท) ก็มีในบัญชี 1ดอล ฝาก 10 ดอล(300บาท) ก็มีเงินในบัญชี 10 ดอล บัญชี Mini เป็นบัญชีที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากบัญชี Cent มาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งหน่วยลงทุนมันเป็นดอลล่า ฉนั้นเวลาซื้อ-ขาย คู่เงินใดๆ คุณมีโอกาสที่จะได้กำไรมากขึ้น หรือ ขาดทุนมากขึ้นเช่นกัน ได้ก็ได้เป็นดอลล่าไปเลย เสียก็เสียเป็นดอลล่าเช่นกัน ถ้ากำไรแล้วนำมาแลกเป็นเงินไทยก็เป็นค่าขนมได้ในวันนั้น ถ้าเทรดเสียวันนั้นกินแกลบกันต่อไป..อิิอิ
ขั้นต่ำในการฝากก็คือ 10 ดอลล่านะคัฟ ถือครองออร์เดอร์ได้ไม่เกิน 50 ออร์เดอร์
บัญชี Classic Exness
เหมาะ สำหรับผู้ที่มีทุนเยอะ ทุนหนาๆ หรือผู้ที่เป็นเทรดเดอร์มาก่อน(มืออาชีพ)แล้วมีเงินสะสมเพิ่มขึ้น บัญชีนี้มันดีอย่างไร? แน่นอนบัญชีที่มีการเริ่มต้นด้วยเงินสูงๆย่อมมีของดีอยู่ในตัวเช่นกัน ในโปรแกรมเทรด MT4 นั้นก็จะมีเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นเช่นกัน รวมไปถึง sever ก็ไหลลื่นดีอีกด้วย บัญชีนี้เริ่มต้นด้วยทุน 5000 ดอลล่า
บัญชี ECN Exness
เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมืออาชีพแล้วหรือผู้เริ่มต้นใหม่ที่มีทุนเยอะ บัญชีนี้มันดีอย่างไร?
1.Server นั้นไวมาก ส่งคำสั่งซื้อ - ขาย ไวมากไม่ดีเลย์(ถึงดีเลย์ก็น้อยมาก)
2.ซื้อ - ขายกับผู้เล่นอื่นๆทั่วโลกโดยตรงผ่านแบงค์ (จริงๆเก็เล่นโปรแกรม MT4)
3.สเปรดเริ่มต้น 0 (ค่คอมที่เปิดออร์เดอร์)
4.ไม่มีข้อจำกัดในการเทรดสามารถสั่งคำสั่งซื้อ - ขาย ได้เรื่อยๆ Dont Limit
5.ECN จะมี Connnection Bridge ที่เชื่อมกันหลายเจ้าและมี Volumn ที่เกิดจากธนาคารใหญ่ๆและสถาบันการเงินมากมายมาแจมด้วยครับ..อิอิ
6.แน่นอนก็ต้องมีเครื่องมือการวิเคราะห์ที่มากขึ้นเช่นกันคัฟ
ข้อเสีย
1.ค่าคอมโหด 25 ดอลอย่างต่ำ
2.เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1000 ดอล(เฉพาะคนโหดๆเท่านั้นอิอิ)
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,536.0.html
ป้ายกำกับ:
โบรก Exness,
ออร์เดอร์,
Cent,
Classic,
Connnection Bridge,
Dont Limit,
Mini,
mt4,
sever,
Volumn
Take Profit จุดทำกำไร
Take Profit จุดทำกำไร
Take Profit คือ จุดทำกำไร โดย Take Profit นี้จะมีหน้าที่แตกต่างกับการ Stop Loss เพราะ Stop Loss หมายถึงจุดหนีเมื่อเรามาผิดทาง แต่ Take Profit นี้หมายถึงจุดทำกำไรเมื่อเรามาถูกทางครับ
ทำไมต้องมี Take Profit?
เหตุที่ต้องมี Take Profit เพื่อป้องกันกำไรที่คุณควรจะได้รับ
คุณ เคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ไหม เปิดออร์เดอร์มาแล้วเป็นกำไรหรืออาจจะลบก่อนแล้วค่อยเป็นกำไรและราคาก็ค่อยๆ ปรับตัวขึ้น แล้วหลังจากนั้นราคาก็ค่อยๆมีการปรับตัวลงมาเรื่อยๆ แต่กำไรก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจหรือยังไม่ถึงที่ราคาเป้าหมายของคุณ ทำให้คุณรู้สึกว่าราคามันน่าจะขึ้นไปต่อ ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นานราคาก็ลงมาเรื่อยๆจนถึงต้นทุน และจนราคามาถึงจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ที่คุณตั้งไว้ แล้วเมื่อราคามาถึงจุดนั้น คุณก็มักจะโทษตัวเองว่า “เราน่าจะปิดทำกำไรตั้งแต่ตอนแรก ก็คงไม่ต้องมาขาดทุนแบบนี้“ นี้แหละครับจึงเป็นสาเหตุที่จำเป็นจะต้องมี Take Profit เพื่อปกป้องกำไรที่จะกลับมาเป็นขาดทุน
แล้วเราจะตั้ง Take Profit อย่างไรดี?
Take Profit เราจะตั้งบริเวณจุดที่เราคิดว่าราคามันน่าจะไปถึง ซึ่งหลายคนก็จะมีเทคนิคการตั้ง Take Profit ที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น
บางคนอาจจะตั้ง Take Profit ตามแนวรับ-แนวต้าน เมื่อราคาเคลื่อนที่แบบ Sideway

บางคนอาจจะตั้ง Take Profit ไล่ตามราคา เมื่อราคาเคลื่อนที่แบบเป็น Trend

นี่ เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะครับ จริงๆแล้วสไตล์การตั้ง Take Profit นั้นมีเทคนิคต่างๆมากมายลองไปฝึกฝนหาราคาเป้าหมายจากประวัติราคา เช่น หาจุดเข้าจุดนี้จะออกว่า เราจะเข้าตรงไหน เราจะทำกำไรตรงไหน เป็นต้น ลองฝึกฝนดูนะครับ
ก็จบลงแล้วนะครับสำหรับเรื่อง “Take Profit จุดทำกำไร” บทความนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายครับเพียงแต่อยากให้เทรดเดอร์เห็นความสำคัญ ของ Take Profit ด้วยนะครับ อย่าให้ความสำคัญแต่กับ Stop Loss เพียงอย่างเดียวนะครับเพราะ Take Profit ก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,507.0.html
Take Profit คือ จุดทำกำไร โดย Take Profit นี้จะมีหน้าที่แตกต่างกับการ Stop Loss เพราะ Stop Loss หมายถึงจุดหนีเมื่อเรามาผิดทาง แต่ Take Profit นี้หมายถึงจุดทำกำไรเมื่อเรามาถูกทางครับ
ทำไมต้องมี Take Profit?
เหตุที่ต้องมี Take Profit เพื่อป้องกันกำไรที่คุณควรจะได้รับ
คุณ เคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ไหม เปิดออร์เดอร์มาแล้วเป็นกำไรหรืออาจจะลบก่อนแล้วค่อยเป็นกำไรและราคาก็ค่อยๆ ปรับตัวขึ้น แล้วหลังจากนั้นราคาก็ค่อยๆมีการปรับตัวลงมาเรื่อยๆ แต่กำไรก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจหรือยังไม่ถึงที่ราคาเป้าหมายของคุณ ทำให้คุณรู้สึกว่าราคามันน่าจะขึ้นไปต่อ ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นานราคาก็ลงมาเรื่อยๆจนถึงต้นทุน และจนราคามาถึงจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ที่คุณตั้งไว้ แล้วเมื่อราคามาถึงจุดนั้น คุณก็มักจะโทษตัวเองว่า “เราน่าจะปิดทำกำไรตั้งแต่ตอนแรก ก็คงไม่ต้องมาขาดทุนแบบนี้“ นี้แหละครับจึงเป็นสาเหตุที่จำเป็นจะต้องมี Take Profit เพื่อปกป้องกำไรที่จะกลับมาเป็นขาดทุน
แล้วเราจะตั้ง Take Profit อย่างไรดี?
Take Profit เราจะตั้งบริเวณจุดที่เราคิดว่าราคามันน่าจะไปถึง ซึ่งหลายคนก็จะมีเทคนิคการตั้ง Take Profit ที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น
บางคนอาจจะตั้ง Take Profit ตามแนวรับ-แนวต้าน เมื่อราคาเคลื่อนที่แบบ Sideway
บางคนอาจจะตั้ง Take Profit ไล่ตามราคา เมื่อราคาเคลื่อนที่แบบเป็น Trend
นี่ เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะครับ จริงๆแล้วสไตล์การตั้ง Take Profit นั้นมีเทคนิคต่างๆมากมายลองไปฝึกฝนหาราคาเป้าหมายจากประวัติราคา เช่น หาจุดเข้าจุดนี้จะออกว่า เราจะเข้าตรงไหน เราจะทำกำไรตรงไหน เป็นต้น ลองฝึกฝนดูนะครับ
ก็จบลงแล้วนะครับสำหรับเรื่อง “Take Profit จุดทำกำไร” บทความนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายครับเพียงแต่อยากให้เทรดเดอร์เห็นความสำคัญ ของ Take Profit ด้วยนะครับ อย่าให้ความสำคัญแต่กับ Stop Loss เพียงอย่างเดียวนะครับเพราะ Take Profit ก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,507.0.html
วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ทำความรู้จัก Leverage
Leverage คือ พลัง,อำนาจ(ตัวทำให้เรามีอำนาจในการซื้อมากยิ่งขึ้น)
สมมุติว่า 1lot มีมูลค่าเท่ากับ 100,000$
แสดงว่า เราต้องใช้เงินถึง 100,000$ จึงสามารถที่จะเปิดออร์เดอร์ 1lot ได้
คำถาม แล้ว Leverage จะช่วยอะไรเราได้บ้าง?
คำ ตอบ Leverage จะทำให้เรามีอำนาจการซื้อมายิ่งขึ้น ถ้า Leverage เช่น ถ้าเลือก Leverage 1:1,000 แสดงว่าเรามีอำนาจในการซื้อเพิ่มขึ้น 1,000 เท่าของทุนจริง เป็นต้น
แสดงว่า... ถ้าเราเลือก Leverage 1:1,000 เรามีทุนเพียงแค่ 100$ ก็สามารถเทรด 1lotได้
(ทุน 150$ คูณด้วย Leverage 1,000 มีค่าเท่ากับ 100*1,000 = 100,000)
เห็นไหมครับว่า Leverage จะช่วยทำให้เรามีอำนาจในการซื้อมากยิ่งขึ้น
แต่ต้องคำนึงด้วยนะครับว่า "มีข้อดี ก็ย่อมมีข้อเสีย"
Leverage ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม มีทั้งดีบ้างละไม่ดีบ้าง ลองดูตัวอย่างตามนี้เลยครับ
สมมุติว่า วิลลี่ มีเงินในบัญชี 100$ เขาได้ใช้ Leverage 0 เขาได้ซื้อหุ้นไป ราคา 10$
คือเขาต้องจ่ายเงินไป 10$ คือจ่ายเต็มราคาเพราะเขาเลือก Leverage 0 เพื่อที่จะซื้อหุ้นตัวนั้นมา
แสดงว่าเงินที่เหลือในบัญชีของ วิลลี่ คือ 90$ ถ้าหากกราฟเคลื่อนที่จุดละ 1$ วิลลี่จะขาดทุนได้มากที่สุด 90 จุด
หาก วันหนึ่งกราฟลงมามากกว่า 90 จุด ทำให้วิลลี่ขาดทุนอย่างหนักจนโดน Margin call (ระบบจะทำการปิดออร์ให้เองอัตโนมัติ) แล้ววิลลี่ ก็จะได้รับเงินส่วนที่ประกันไว้คืน (Used Margin) 10$ ทำเขายังเหลือเงินอยู่ 10$ ที่จะสามารถเทรดต่อไปได้
มาดูอีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ
สมมุติว่า วิลลี่ มีเงินในบัญชี 100$ เขาได้ใช้ Leverage 1:10 เขาได้ซื้อหุ้นไป ราคา 10$
เขาต้องจ่ายเงินไปเพียงแค่ 1$ เพราะเขาเลือก Leverage 1:10 เพื่อที่จะซื้อหุ้นตัวนั้นมา
แสดงว่าเงินที่เหลือในบัญชีของ วิลลี่ คือ 99$ ถ้าหากกราฟเคลื่อนที่จุดละ 1$ วิลลี่จะขาดทุนได้มากที่สุด 99 จุด
หาก วันหนึ่งกราฟลงมามากกว่า 99 จุด ทำให้วิลลี่ขาดทุนอย่างหนัก จนโดน Margin call (ระบบจะทำการปิดออร์ให้เองอัตโนมัติ) แล้ววิลลี่ ก็จะได้รับเงินส่วนที่ประกันไว้คืน(Used Margin)วิลลี่ ก็จะได้รับเงินส่วนที่ซื้อไปคืน 0.1$ ทำเขายังเหลือเงินอยู่ 0.1$ คือ แทบจะหมดตูดและไม่สามารถเทรดต่อไปได้อีกเลย
เห็นไหมครับว่า Leverage เปรียบเสมือนดาบสองคมถึงแม้การใช้ Leverage จะทำให้เราซื้อหุ้นมาในราคาต่ำกว่าที่เป็นจริง แต่ถ้าเราไม่รู้จักการตัดขาดทุนหรือไม่มีการวางแผนที่ดีแล้วล่ะก็ มาเลือกLeverage สูงๆ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,146.0.html
สมมุติว่า 1lot มีมูลค่าเท่ากับ 100,000$
แสดงว่า เราต้องใช้เงินถึง 100,000$ จึงสามารถที่จะเปิดออร์เดอร์ 1lot ได้
คำถาม แล้ว Leverage จะช่วยอะไรเราได้บ้าง?
คำ ตอบ Leverage จะทำให้เรามีอำนาจการซื้อมายิ่งขึ้น ถ้า Leverage เช่น ถ้าเลือก Leverage 1:1,000 แสดงว่าเรามีอำนาจในการซื้อเพิ่มขึ้น 1,000 เท่าของทุนจริง เป็นต้น
แสดงว่า... ถ้าเราเลือก Leverage 1:1,000 เรามีทุนเพียงแค่ 100$ ก็สามารถเทรด 1lotได้
(ทุน 150$ คูณด้วย Leverage 1,000 มีค่าเท่ากับ 100*1,000 = 100,000)
เห็นไหมครับว่า Leverage จะช่วยทำให้เรามีอำนาจในการซื้อมากยิ่งขึ้น
แต่ต้องคำนึงด้วยนะครับว่า "มีข้อดี ก็ย่อมมีข้อเสีย"
Leverage ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม มีทั้งดีบ้างละไม่ดีบ้าง ลองดูตัวอย่างตามนี้เลยครับ
สมมุติว่า วิลลี่ มีเงินในบัญชี 100$ เขาได้ใช้ Leverage 0 เขาได้ซื้อหุ้นไป ราคา 10$
คือเขาต้องจ่ายเงินไป 10$ คือจ่ายเต็มราคาเพราะเขาเลือก Leverage 0 เพื่อที่จะซื้อหุ้นตัวนั้นมา
แสดงว่าเงินที่เหลือในบัญชีของ วิลลี่ คือ 90$ ถ้าหากกราฟเคลื่อนที่จุดละ 1$ วิลลี่จะขาดทุนได้มากที่สุด 90 จุด
หาก วันหนึ่งกราฟลงมามากกว่า 90 จุด ทำให้วิลลี่ขาดทุนอย่างหนักจนโดน Margin call (ระบบจะทำการปิดออร์ให้เองอัตโนมัติ) แล้ววิลลี่ ก็จะได้รับเงินส่วนที่ประกันไว้คืน (Used Margin) 10$ ทำเขายังเหลือเงินอยู่ 10$ ที่จะสามารถเทรดต่อไปได้
มาดูอีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ
สมมุติว่า วิลลี่ มีเงินในบัญชี 100$ เขาได้ใช้ Leverage 1:10 เขาได้ซื้อหุ้นไป ราคา 10$
เขาต้องจ่ายเงินไปเพียงแค่ 1$ เพราะเขาเลือก Leverage 1:10 เพื่อที่จะซื้อหุ้นตัวนั้นมา
แสดงว่าเงินที่เหลือในบัญชีของ วิลลี่ คือ 99$ ถ้าหากกราฟเคลื่อนที่จุดละ 1$ วิลลี่จะขาดทุนได้มากที่สุด 99 จุด
หาก วันหนึ่งกราฟลงมามากกว่า 99 จุด ทำให้วิลลี่ขาดทุนอย่างหนัก จนโดน Margin call (ระบบจะทำการปิดออร์ให้เองอัตโนมัติ) แล้ววิลลี่ ก็จะได้รับเงินส่วนที่ประกันไว้คืน(Used Margin)วิลลี่ ก็จะได้รับเงินส่วนที่ซื้อไปคืน 0.1$ ทำเขายังเหลือเงินอยู่ 0.1$ คือ แทบจะหมดตูดและไม่สามารถเทรดต่อไปได้อีกเลย
เห็นไหมครับว่า Leverage เปรียบเสมือนดาบสองคมถึงแม้การใช้ Leverage จะทำให้เราซื้อหุ้นมาในราคาต่ำกว่าที่เป็นจริง แต่ถ้าเราไม่รู้จักการตัดขาดทุนหรือไม่มีการวางแผนที่ดีแล้วล่ะก็ มาเลือกLeverage สูงๆ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,146.0.html
จะขาดทุนได้กี่ครั้ง
ในการขาดทุนแต่ละครั้งของคุณ คุณจะ Stop loss ไม่เกินกี่ % ของต้นทุน
และถ้า Stop Loss ต่อกันสัก 10 ครั้ง พอร์ตของคุณจะเป็นอย่างไร ??
คุณยังจะเหลือเงินทุนไว้เทรดต่อหรือไหม?
การบริหารแบบนี้เป็นการวางแผนรับภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้พอร์ตลงทุนของเราไม่เสียหายจนเกินไป
** ในการเปิดออร์เดอร์แต่ละครั้งควรเข้าจุดที่มั่นใจหากไม่มั่นใจควรรอจนกว่าจะ มั่นใจเพื่อเป็นการลดการขาดทุนที่ดีที่สุด และควรบริหารพอร์ตลงทุนให้อยู่ในความเสี่ยงที่เรารับได้...ขอบคุณมากครับ
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,119.0.html