แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ POSITION แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ POSITION แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชนิดของ order

ชนิดของ order
order หมายถึง การที่คุณจะทำการตัดสินใจส่งหรือออก position ในตลาด เราจะพูดถึงความ แตกต่าง ของออร์เดอร์แต่ละชนิด ที่สามารถ ส่งในตลาดค่าเงินนี้ได้ ออร์เดอร์ประเภทไหนที่โบรคเกอร์ สามารถ ยอมรับคำสั่งนั้นได้ ความแตกต่างของโบรคเกอร์ จะรับออร์เดอร์ที่แตกต่างกันไป


ประเภทของออร์เดอร์พื้นฐาน

– มีออร์เดอร์พื้นฐานที่ทุก ๆ โบรกเกอร์มีให้ใช้ และบางออร์เดอร์ที่อาจจะฟังดูแปลก ๆ แต่ที่เป็นพื้นฐานจริง ๆ คือ:

Market order
Market order เป็นออร์เดอร์ที่ใช้ในการสั่ง Buy หรือ Sell ที่ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น EUR/USD ราคา ปัจจุบัน อยู่ที่ 1.2140 ถ้าต้องการ Buy ที่ราคานี้ ต้องคลิ๊ก Buy และโปรแกรมเทรด จะทำการส่งออร์เดอร์ที่ราคานั้น (ถ้าคุณเคยซื้อของใน Amazon.com เหมือนกับการใช้ 1-Click ออร์เดอร์ อย่างนั้น) ถ้าอยากได้ราคาปัจจุบัน ตอนนั้น ก็คลิ๊กหนึ่งครั้ง แล้วมันก็จะกลายเป็นของคุณ แต่สิ่งที่แตกต่างจาการซื้อหรือขายธรรมดา ในตลาดค่าเงิน คือ คุณจะได้ อีกค่าเงินหนึ่งมา (แทนที่คุณจะได้ CD ถ้าคุณซื้อ CD ของ บริทนีย์ สเปียร์)


Limit order
Limit order คือออร์เดอร์ที่ส่งเพื่อ Buy หรือ Sell ในราคาใดราคาหนึ่งที่กำหนดไว้ จะงมีสองตัวแปร คือ เวลา กับ ราคา ตัวอย่างเช่น EUR/USD ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ราคา 1.2050 ต้องการที่จะส่งคำสั่ง Buy ถ้าราคามันถึง 1.2070 คุณสามารถ นั่งเฝ้าหน้าจอและรอให้มันถึงราคา 1.2070 (คือจุดที่คุณอยากส่งคำสั่ง buy แบบ Market order) หรือ ส่งคำสั่ง Buy limit order ที่ 1.2070 (ไม่ต้องนั่งเฝ้า คอมพิวเตอร์จะจัดการให้เสร็จสรรพ ถ้าราคามันมาถึงจุดนั้น) ถ้าราคามันขึ้นไปถึง 1.2070 โปรแกรมเทรด จะทำการส่งคำสั่ง Buy อัตโนมัติ ตามราคาที่ได้กำหนดไว้ สามารถ กำหนดราคาว่าจะ Buy หรือ Sell ในค่าเงินนั้น ๆ หรือแม้แต่ กำหนดว่า อยากให้ Limit Order นี้ อยู่ได้นานเท่าไร หลังจากส่งคำสั่ง (GTC หรือ GFD)


Stop-loss ( S-L)
order stop - loss order เป็น limit order ที่ใส่เข้าไปหลังจากที่เราเปิดออร์เดอร์เทรดแล้ว จุดประสงค์เพื่อที่จะ ป้องกัน การขาดทุน ถ้าราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม Stop loss order จะมีผลจนกระทั่งออร์เดอร์นั้น ถูกปิดไปแล้ว หรือ ผู้ส่งคำสั่งยกเลิกออร์เดอร์ Stop loss ตัวอย่างเช่น ต้องการ Buy EUR/USD ที่ราคา 1.2230 เพื่อไม่ให้เกิดการ ขาดทุนมากเกินไป จึงตั้ง Stoploss ที่ราคา 1.2200 โปรแกรมเทรดของคุณ จะทำการปิด ออร์เดอร์นั้น ที่ราคา 1.2200 อัตโนมัติ พร้อมกับผลขาดทุน 30 จุด(อูยยยย) Stop loss มีประโยชน์อย่างยิ่ง ถ้าไม่อยากนั่งเฝ้าหน้าจอตลอดทั้งวัน แล้วกลัวว่าขาดทุน แค่ตั้ง Stop loss order ขึ้นมาใน position ที่เปิด คุณจะมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้

ออร์เดอร์ชื่่อ แปลกๆ

GTC (Good 'til canceled)
A GTC order จะ มีผลในตลาดจนกระทั่งคุณยกเลิกด้วยตัวเอง โบรกเกอร์จะไม่สามารถยกเลิกมันได้ ดังนั้น ต้อง ระลึก เสมอว่าคุณมีออร์เดอร์อยู่ในมือรึเปล่า


GFD (Good for the day)
A GFD order จะ มีผลในตลาดจนกว่าจบวันที่ทำการเทรด เพราะ ตลาดฟอร์เร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ปกติจะใช้ เวลา 5 โมงเย็นของสหรัฐฯ เป็นตัววัด(ตี 4 ของเมืองไทย) แนะนำให้เช็คกับโบรกเกอร์ให้ละเอียดอีกที เรื่องเวลา


OCO (Order cancels other)
An OCO order เป็น ออร์เดอร์ที่รวม limit and / or stop-loss order ไว้ด้วยกัน คือตัวแปรทางราคา และ เวลา จะถูกส่งเข้าไป ที่ราคาสูงกว่า หรือ ราคาที่ต่ำกว่า ราคาปัจจุบันทั้งสองอัน เมื่อออร์เดอร์หนึ่งถูกส่งไปแล้ว อีก ออร์เดอร์ จะถูกยกเลิก ตัวอย่างเช่น ราคาของ EUR/USD อยู่ที่ 1.2040 เมื่อคุณต้องการซื้อที่ 1.2095 เหนือ แนวต้านขึ้นไป ซึ่งอาจจะไปทำ new high และถ้าร่วงลงมาจนเกิน 1.1985 คุณจะเข้า sell order นั่นคือ ถ้ามัน ไปถึงราคา 1.2095 คุณจะส่งออร์เดอร์ buy ออร์เดอร์ sell ที่คุณตั้งจะส่งไว้ที่ 1.1985 จะถูกยกเลิก

จำไว้ว่า ควรตรวจสอบกับโบรกเกอร์ ให้ละเอียดอีกครั้ง บางทีอาจจะมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เพิ่มเติมถ้าถือ position ข้ามคืน พยายามทำกฏในการเทรดให้ง่ายเข้าไว้ สิ่งที่ธรรมดาที่สุดย่อมทำให้เข้าใจง่ายที่สุด

คำสั่งพื้นฐาน (market, stop loss, และ limit) ซึ่งเป็นออร์เดอร์ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ต้องใช้ แม้ว่า จะเป็นนักเทรด ที่เก่งกาจ (ใช่ แน่นอน) อย่าพึ่งไปสนใจกับระบเทรด Trading System ที่ดูซับซ้อน หรือมีเครื่องมือสวยงาม คุณ ไม่จำเป็นต้องทำกำไรได้ก้อนใหญ่ในตลาดทุกครั้งไป ให้คุณมุ่งออกแบบระบบที่ง่าย ๆ ธรรมดาของตัวเองก่อน

ต้องแน่ใจแล้ว ว่า คุณมีความรู้เกี่ยวระบบการเทรด หรือวิธีการส่งคำสั่งของโบรคเกอร์ให้ดีก่อนที่จะเทรด อย่ารีบ เทรดเงินจริง จนกว่าจะเข้าใจหน้าตา หรือคำสั่งของโปรแกรมที่ต้องใช้ในการส่งคำสั่งเทรด

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,553.0.html

leverage คืออะไร?

leverage คืออะไร?

คุณ อาจจะเคยคิดว่า นักลงทุนเล็ก ๆ อย่างคุณ จะสามารถเทรดค่าเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร ลองคิดเปรียบว่า โบรคเกอร์ ก็คือธนาคาร ซึ่งเขาอยากให้คุณซื้อค่าเงินมูลค่า 100,000 เหรียญ โดยที่เขาต้องการเงินจากคุณเพียง แค่ 1,000 เหรียญ เพื่อค้ำประกัน ฟังดูง่ายเกินไปในโลกของความจริงใช่ไหม? แต่ว่า นี่แหละคือฟอร์เร็กซ์ และ นี่ก็คือ Leverage ที่เราใช้

จำนวน leverage ที่คุณใช้ ขึ้นอยู่กับโบรคเกอร์ และขึ้นอยู่กับตัวคุณว่า ต้องการใช้เท่าไหร่

โบ รคเกอร์จะให้คุณฝากเงินเข้า ที่เราเรียกกันว่า margin หรือ initial margin เมื่อฝากเงินเข้าบัญชี คุณจะสามารถ เทรดได้ทันที และโบรกเกอร์ก็จะบอกว่า คุณต้องใช้เงินเท่าไหร่ ในการเทรดจำนวน ลอทนั้น ๆ

เช่น ถ้า leverage ที่เราใช้เท่ากับ 100:1 (หรือ 1 เปอร์เซ็นต์ ของ position ต้องใช้) และคุณต้องการเทรดมูลค่า 100,000 เหรียญ โบรคเกอร์จะเรียกมาร์จิ้น 1,000 เหรียญ ดังนั้นถ้ามีเงิน 5,000 เหรียญ จะเทรดได้มากสุดถึง 500,000 เหรียญ

มาร์ จิ้นอย่างต่ำต่อลอท จะแตกต่างกันออกไป ตามแต่ละโบรคเกอร์ จากตัวอย่างข้างบน โบรกเกอร์จะต้องใช้ มาร์จิ้น 1% ซึ่งหมายความว่า ออร์เดอร์มูลค่า 100,000 ซึ่งคุณจะต้องฝากเงินเข้าไป 1,000 เหรียญ เพื่อที่จะฝาก เป็นมาร์จิ้น นั่นเอง

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,552.0.html

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กฏ 24 ข้อ เพื่อทำกำไรในตลาด

กฏ 24 ข้อ เพื่อทำกำไรในตลาด

นักค้าต้องมีกฏเกณฑ์ในการปฏิบัติที่ แน่นอนและต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัด กฏเกณฑ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้ ได้รวบรวมจากประสบการณ์ 45 ปี ในตลาดหุ้นของ นายวิลเลี่ยม ดี แก้น ซึ่งเป็นที่เชื่อว่า หากใครสามารถปฏิบัติตามได้ก็จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น

1. จำนวนเงินลงทุน ต้องพอดีและจงแบ่งเงินลงทุนเป็นสิบส่วน เท่าๆกัน ในการซื้อขายแต่ละครั้ง อย่าลงทุนซื้อหรือขาย เกินหนึ่งในสิบของเงินลงทุน
2. ใช้คำสั่ง STOP ORDER ควรป้องกันการลงทุนโดยการตั้ง STOP ORDER 3-5 ช่วงต่ำกว่าราคาที่ซื้อ หรือ สูงกว่าราคาที่ขาย
3. อย่าซื้อหรือขายเกินตัว เพราะจะเป็นการฝ่าฝืนกฎเกี่ยวกับจำนวนเงินลงทุนในข้อ 1
4. อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน หลังจากที่ท่านมีกำไร 3 ช่วงหรือมากกว่านั้น จงยกระดับ STOP ORDER ให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันมิให้ขาดทุน
5. อย่าเริ่มก่อนแนวโน้ม ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ:ตามแผนภูมิของท่าน
6. เมื่อสงสัย ให้ออกจากตลาดและอย่าเข้าตลาดถ้ายังสงสัย
7. ซื้อขายเฉพาะหุ้นที่มีการซื้อขายมาก อย่ายุ่งกับหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวช้าหรือแน่นิ่ง
8. จงกระจายความเสี่ยง ซื้อขายหุ้นอย่างน้อย 4 ถึง 5 บริษัท ถ้าเป็นไปได้อย่างลงทุนจนหมดตัวในหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
9. จงอย่าใช้ราคาเฉพาะ ทั้งการซื้อและการขาย จงใช้ราคาตลาด
10. อย่าขายหุ้นทิ้งโดยไม่มีเหตุผลที่ดี จงใช้ STOP ORDER เพื่อป้องกันกำไรหดหาย
11. จงสะสมกำไร หลังจากที่ท่านประสบความสำเร็จและมีกำไรติดต่อกันหลายๆ ครั้ง จงสำรองกำไรส่วนนี้ไว้ต่างหากเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินหรือตอนที่มีการตื่น ตระหนก
12. อย่าซื้อ เพียงแต่เพื่อจะเอาเงินปันผล
13. อย่าเฉลี่ยการขาดทุน เพราะนี่เป็นความผิดที่เลวร้ายที่สุดที่นักค้าหุ้นไม่ควรทำ
14. อย่าออกจากตลาด เพียงเพราะว่าท่านหมดความอดทนหรือเข้าตลาด เพียงเพราะว่าท่านไม่อยากรอ
15. จงหลีกเลี่ยง การขายเพื่อเอากำไรแต่น้อยและอย่าปล่อยให้ขาดทุนมาก
16. จงอย่ายกเลิกคำสั่ง STOP ORDER ที่ท่านสั่งตอนที่ท่านซื้อขายหุ้นนั้น
17. จงหลีกเลี่ยง การเข้าและออกจากตลาดบ่อยเกินไป
18. จงพร้อมที่จะขาย เช่นเดียวกับซื้อและยึดวัตถุประสงค์ในการทำกำไรให้แน่วแน่
19. จงอย่าซื้อ เพียงเพราะราคาต่ำและอย่าขายเพียงเพราะคิดว่าราคาสูง
20. จงระวังการพีระมิดในจังหวะที่ผิด จงรอจนกระทั่งเริ่มมีการซื้อขายมากและระดับราคาได้วิ่งขึ้นผ่านระดับต้านทาน ก่อนที่จะซื้อเพิ่ม และรอจนกระทั่งราคาได้วิ่งตกต่ำกว่าระดับจำหน่ายจ่ายแจกก่อนที่จะซื้อเพิ่ม ขึ้น
21. เมื่อซื้อ จงสะสมหุ้นในบริษัทที่มีจำนวนทุนจดทะเบียนน้อย และ ถ้ายืมหุ้นคนอื่นมาขาย จงยืมหุ้นในบริษัทที่มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนมาก
22. อย่าป้องกันการขาดทุน ในหุ้นที่ซื้อมาโดยการยืมหุ้นจากคนอื่นมาขายไปก่อน จงขายหุ้นที่ซื้อมาไปในราคาตลาดและยอมรับการขาดทุนเพื่อคอยโอกาสครั้งต่อไป
23. อย่าเปลี่ยนสถานภาพการลงทุน (POSITION) ในตลาดโดยไม่มีเหตุผลที่ดี เมื่อท่านตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นแล้ว จงให้โอกาสตัวเองตามเหตุผลที่ดีบางประการหรือตามแผนที่กำหนดไว้ อย่าขายหรือซื้อจนกว่าจะมีสัญญาณบอกว่าแนวโน้มได้เปลี่ยนทิศทาง
24. จงหลีกเลี่ยงการเพิ่มพอร์ท หลังจากที่ประสบความสำเร็จและมีกำไรมาเป็นเวลานาน

เมื่อ ท่านตัดสินใจที่จะซื้อขายหุ้น ท่านต้องแน่ใจว่าท่านไม่ได้ฝ่าฝืนกฏข้อใดข้อหนึ่งข้างต้น ซึ่งเป็นกฏที่จำเป็นต่อความสำเร็จของท่าน หากท่านขายหุ้นไปโดยมีการขาดทุน จงทบทวนกฏข้างต้นใหม่และพิจารณาดูว่าท่านได้ทำผิดกฏข้อใด แล้วอย่าทำผิดเป็นครั้งที่ 2 ประสบการณ์และการพิจารณาอย่างรอบคอบจะทำให้ท่านเชื่อคุณค่าของกฏเหล่านี้ การสังเกตและการศึกษาจะนำท่านสู่วิธีการที่ถูกต้องเพื่อ ความสำเร็จและกำไรในตลาดหุ้น

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,123.0.html