Moving Average
Moving AverageMoving Average หรือ เส้นค่าเฉลี่ย เป็นเส้นที่คำนวณค่าเฉลี่ยของการวิ่งของราคาออกมาจากแท่งเทียน แท่งเทียนจะประกอบไปด้วย COLH
หรือ Close Open Low High เส้นค่าเฉลี่ยจะคำนวณออกมาจากแนวเหล่านี้โดยผู้เทรดสามารถเลือกได้ว่าอยากให้เส้นค่าเฉลี่ยคำนวนจากอะไร
อาจจะเป็น Close ของแท่งเทียนอย่างเดียวหรือเอาจาก High ของแท่งเทียนอย่างเดียว ซึ่งผู้เทรดสามารถเลือกปรับได้ตามรูปด้านล่างนี้ครับ
Close = จุดปิดของแท่งเทียน
Open = จุดเปิดของแท่งเทียน
High = จุดสูงสุดของแท่งเทียน
Low = จุดต่ำสุดของแท่งเทียน
Medium Price (HL/2) = เอาค่าระหว่าง High และ Low มาบวกกันแล้วหารด้วย 2
Typical Price (HLC/3) = เอาค่าระหว่าง High,Low และ Close มาบวกกันแล้วหารด้วย 3
Weighted Close (HLCC/4) = เอาค่าระหว่าง High, Low, Close, Close มาบวกกันแล้วหารด้วย 4
กลยุทธ์
การลงทุนนั้น จะกำหนดเส้นค่าเฉลี่ย ในจำนวนวันที่แตกต่าง กัน ขึ้นอยู่กับ
ระยะเวลาการลงทุนของแต่ละบุคคล หรือรอบการเคลื่อนที่ของราคาตัวนั้น
ว่า
การกำหนดด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเท่าใด ที่น่าจะได้ผลตอบแทนสูงที่สุด
ผู้เทรดสามารถตั้งค่าของเส้นค่าเฉลี่ยได้ในช่อง "Period"
โดยเส้นค่าเฉลี่ยที่ใช้กันทั่วไปมีตั้งแต่
5 วัน (1 สัปดาห์) ใช้สำหรับการลงทุนระยะสั้น
10 วัน (2 สัปดาห์) ใช้สำหรับการลงทุนระยะสั้น
25 วัน (ประมาณ1 เดือน) ใช้สำหรับการลงทุนระยะค่อนข้างปานกลาง
75 วัน (ประมาณ1 ไตรมาส) ใช้สำหรับการลงทุนระยะกลาง
200 วัน (ประเมาณ 1 ปี) ใช้สำหรับการลงทุนระยะยาว
ชนิดของเส้น Moving Averageเส้นค่าเฉลี่ยที่เทรดเดอร์นิยมใช้กันมีอยู่ 2 ประเภทคือ
Simple Moving Average (SMA)
Exponential Moving Average (EMA)
Simple Moving Average หน้าที่ของมันคือหาค่าเฉลี่ยของราคา ในช่วงเวลาที่เรากำหนด ส่วน EMA ย่อมาจาก Exponential Moving Average
ซึ่ง
การทำงานของมันคือ เป็นการหาค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
โดยการให้ความสำคัญกับค่าตัวหนึ่งที่ชื่อ SMOOTHING FACTOR สูตรมันก็มีว่า
2/(n+1)
ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและถ่วงน้ำหนักให้ค่าสุดท้ายมีความสำคัญเพิ่มขึ้น
แล้ว SMA กับ EMA ต่างกันอย่างไร?
การ
เคลื่อนที่ SMA จะช้ากว่า EMA โดยถ้าเราจะเล่นแบบตัดกันแล้วเข้า เราก็ใช้
EMA จะให้ความแม่นยำกว่า ส่วน SMA นั้นนะครับ
มันจะเป็นแนวรับแนวต้านให้เราได้ดีกว่า
เพราะเป็นการคำนวนฐานต้นทุนของ
นักลงทุนจริงๆแต่สำหรับราคาของคู่เงินบางตัวก็ใช้ EMA ดีกว่า SMA หรือ SMA
ดีกว่า EMA มันก็ขึ้นอยู๋กับเราเลือกใช้เพื่อจุดประสงค์อะไร
( โดยส่วนตัวใช้ SMA เป็นแค่แนวรับแนวต้านธรรมดา )
ตัวอย่างการใช้ Moving Average
เส้น
ค่าเฉลี่ยที่ผมใช้โดยส่วนใหญ่จะมี EMA 5 10 สองเส้นนี้จะเอาไว้ดูการตัดกัน
เพื่อเข้าออเดอร์ และ EMA 55 110 220 สามเส้นนี้จะเอาไว้เป็นแนวรับแนวต้าน
1.
ถ้าราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แล้วมีการปรับตัวลงมา เส้นค่าเฉลี่ย 55 110
220 จะกลายเป็นแนวรับทันที ถ้าราคาไม่สามารถผ่านเส้นเหล่านี้ได้
ราคาก็จะกลับตัวขึ้นไปสู่แนวโน้มขา
ขึ้นเดิมอีกครั้งและถ้าราคาสามารถทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 55 110 220 ลงมาได้ แนวโน้มก็จะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงทันที
2.ถ้า
แนวโน้มอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลงแล้ว ราคามีการปรับตัวขึ้นไป (ปรับฐาน)
เส้นค่าเฉลี่ย 55 110 220 จะกลายเป็นแนวต้านของราคาทันที
หรือเราอาจจะเรียกมันว่า
เส้นแนวโน้มขาลง
ตัวอย่างจากแนสโน้มขาขึ้น
ตัวอย่างจากแนวโน้มขาลง