แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Stop loss แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Stop loss แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กราฟเหวี่ยงแรงๆจะทำอย่างไร?

กราฟเหวี่ยงแรงๆจะทำอย่างไร?

 มี คนชื่อ Bhoopalan มาตั้งกระทู้ว่า ทุกวันนี้เขามักจะมีปัญหากับการโดนกราฟเหวี่ยงอยู่บ่อย ๆ โดยราคาจะวิ่งขึ้นไปชน Stop Loss ของเขาก่อนจากนั้นก็วิ่งไปตามทางที่เขาได้คาด
การณ์ไว้เขาเลยสงสัยอยาก รู้ว่า หากกราฟเหวี่ยงเนี่ยปกติมันจะวิ่งไปกี่จุด? และเมื่อกราฟวิ่งผ่านไปแล้วบางครั้งมันไม่บันทึกด้วยว่าตรงนั้นเคยมีการ เหวี่ยงแรง ๆ ของกราฟเกิดขึ้น แบบนี้ก็
แปลว่าการทดสอบย้อนหลังก็ไม่เป็นความจริงนะสิครับ?

 คุณ TheMaxx ก็เข้ามาให้คำตอบว่า การเหวี่ยงของกราฟส่วนมากมักจะเกิดจากผลกระทบจากข่าว ดังนั้นคุณก็ควรจะสนใจตารางของข่าวด้วยว่าในแต่ละวันตารางของข่าวมีข่าวอะไร บ้าง
ส่วนเรื่องที่คุณโดนกราฟเหวี่ยงไปชน Stop Loss นั้นผมแนะนำว่าคุณอาจจะใช้วิธีลองเพิ่มระยะของ Stop Loss ของตัวเองดูซึ่งนั่นหมายความว่าคุณต้องวาง Money Management
ของคุณให้ดี ๆ ด้วยเช่นกัน


นาย Bhoopalan ก็เข้ามาขอบคุณแล้วถามต่อว่า การเหวี่ยงของกราฟในลักษณะแบบนี้เกิดบ่อยไหมครับในโบรกเกอร์อื่น ๆ?


 นาย Iro ก็เข้ามาตอบว่า หากคุณเจอกราฟเหวี่ยงไปชน Stop Loss แล้วกราฟไม่บันทึกเนี่ย คุณรีบเปลี่ยนโบรกเกอร์ที่เทรดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า

นาย bull . bear เสนอว่า คุณก็ลองเทรดในช่วงเวลาที่กว้างขึ้นแทนที่จะไปเทรดในช่วงเวลาเล็ก ๆ สิ เพราะการเหวี่ยงของราคาที่รุนแรงมักจะไม่มีให้เห็นใน
Time Frame ใหญ่ ๆ แล้วก็ปรับ Stop Loss กับ Target ของคุณให้กว้างขึ้น แต่คุณอาจจะต้องลดขนาดของ lot ของคุณลงนะ


 นาย Bhoopalan เจ้าของกระทู้ก็บอกนาย bull . bear ว่าตัวเค้าเองก็เทรดใน Time Frame ใหญ่ ๆ นะ แต่ที่เค้าถามเนี่ยเพราะอยากจะหาทางป้องกันเรื่องนี้ไว้เฉย ๆ
ว่าการเหวี่ยงของกราฟเนี่ยมันเกิดที่ Broker เค้าคนเดียวหรือที่อื่นก็เป็นเพื่อที่ตัวเองจะได้หาทางรับมือกับมันในอนาคต


 นาย bull . bear ก็มาตอบกลับว่า เค้าไม่รู้ว่า “การเหวี่ยง” ที่เจ้าของกระทู้พูดถึงมันเป็นการเหวี่ยงที่เกิดขึ้นจาก Gap ในวันจันทร์หรือเวลาเฉพาะอื่นรึเปล่า?
หากเป็นข่าวการที่กราฟจะเหวี่ยงก็ ถือว่าเป็นเรื่องปกติและมักจะเกิดขึ้นชัด ๆ ใน Time Frame เล็ก ๆ แต่หากเกิดการเหวี่ยงในช่วงที่ไม่มีข่าวก็แสดงว่าราคามีอะไรผิดปกติเช่น
ไปชนแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่งเป็นต้น


 สรุป แล้วการที่กราฟเหวี่ยงของกราฟส่วนมากเกิดจากข่าวที่ออกมาส่งผลกับแรงซื้อแรง ขายของนักลงทุนในขณะนั้น ๆ หากมองในมุมมองของเทรดเดอร์รายย่อยอย่างเรา ๆ
ที่ ได้แต่ลุ้นอยู่หน้าคอม ไม่ได้ไปลุ้นอะไรกับที่ตลาดใหญ่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เราทำได้ก็คือหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับทั้งช่วงเวลากราฟเหวี่ยงและ ตัวเราเอง
บางคนอาจจะรอข่าวออกแล้วค่อยเข้า บางคนเข้าก่อนแล้วตั้ง Stop Loss บางคนอาจจะไม่เทรดเลย ก็แล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละคนครับ แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นประจำ
กับคนที่ตั้ง Stop Loss ก็คือราคาเหวี่ยงไปไม่ถึงราคาที่ตั้ง Stop Loss ไว้แต่กลับปิดให้เรา อันนี้เป็นกลยุทธ์หนึ่งของโบรกเกอร์ วิธีแก้คือไม่ต้องตั้ง Stop Loss ครับง่ายไหม
แต่ให้ใช้วิธีมองกราฟเป็นโซนของราคาเอาว่าถ้าหลุดบริเวณไหน จะคัทเพราะมันไม่มีคำว่าตายตัวสำหรับ Forex ดังนั้นผู้เทรดจะต้องใจแข็งพอที่จะยอมรับความผิดพลาดของตนแล้วคัททิ้ง
ไปเพื่อลดความเสียหายให้กับตัวเอง จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกราฟเหวี่ยงครับ

 
 
ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,576.0.html

10 แนวทางการเทรด forex

10 แนวทางการเทรด forex

1. การวางแผนการเทรดและเทรดตามแผนของคุณ(Plan your trade And Trade your plan)
ใน การเทรด ไม่ควรตัดสินตามอารมณ์ ความรู้สึกของคุณ ว่าราคาน่าจะขึ้น ราคาน่าจะลง แล้วเปิดคำสั่งเทรด คุณจำเป็นจะต้องมีการวางแผนในการเทรดเพื่อนำไปสู่ึความประสบความสำเร็จ แผนการเทรดที่ดี ควรประกอบด้วย
1.1 การกำหนด จุดเข้า หรือ สัญญาณในการเข้าเทรด
1.2 การกำหนดจุด ขาดทุน ( Stop Loss)
1.3 การกำหนดเป้าหมายกำไร ( Target)
1.4 การวางแผนทางการเงิน ( Money Management)
1.5 การบริหารความเสี่ยง ( Risk Management)
การ จัดสรรค์การเรดให้เหมาะสม แผนการเทรดที่ดีจะช่วยให้คุณตัดอารมณ์ ออกจากการเทรด ช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเครียด เวลาที่ติดลบ หรือ ใกล้จะ Call Margin ( เงินใกล้จะหมด) ไม่ต้องถูกบังคับปิด เช่น มาจิ้นของคุณหมด ตัวอย่างแผนการเทรดหรือระบบเทรด คุณสามารถ หาได้จากเ็ว็บนี้ หรือ จาก google ลองหาแผนการเทรดที่เหมาะกับตัวของคุณ ลองทดสอบระบบ และเทรดตามระบบด้วยเงินปลอม อาจจะปรับปรุงให้เหมาะสมกับตัวของคุณ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรดของคุณ ซึ่งไม่มีระบบไหนที่ได้ผลการเทรดของคุณออกมา 100% ระบบเทรดที่ดี ควรมีประสิทธิ์ภาพมากกว่า 60 % ไม่ว่าคุณจะได้ระบบเทพ หรือ สุดยอดเทพ ยังไง คุณก็ต้องติดลบก่อน ไม่มีใครไม่เคย ติดลบ
2. แนวโน้มของกราฟ คือเพื่อนของคุณ ( The Trend is Your Friend )
อย่า คิดสวนเทรน ให้หาสัญญาณ Buy/ Long เมื่อ ตลาดอยู่ในสภาวะขาขึ้น ( Bullish Market ตลาดแดนบวก) และหาจังหวะ Sell/Short เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะขาลง (Bearish Market ตลาดแดนลบ)
3. การรักษาเงินลงทุน ( Focus on capital preservation)
สิง สำคัญอีกอย่างสำหรับการเทรด ต้องรักษาเงินในบัญชีของคุณให้ดีที่สุด การเปิดคำสั่งเทรดแค่ละคำสั่ง ไม่ควรจะเกิน 10 % ของเงินในบัญชีเทรดของคุณ เช่น เงินทุน 1000 $ คุณควจจะเทรดไม่เกิน 100$ ถ้าไม่มีการรักษาเงินทุนไว้ เงินทุนจะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทรดมาก ได้มาก ก็เสียมาก เช่นกัน เมื่อเงินหมด คุณอาจจะท้อ หรือเลิกไปเลย เพราะฉะนั้น ควรจะเล่นน้อยๆ เรื่อย ๆ แล้ว จะประสบผลสำเร็จในตลาดฟอเร็ก ฟอเ็ร็กไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย
4.ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะตัดขาดทุน (Know when to cut loss)
ถ้า ราคาวิ่งตรงข้ามกับที่คุณได้เทรดไว้ หรือคาดการณ์ไว้ สิิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ตัดเนื้อร้ายออกไป อย่าให้มันรุกราม แล้วหาโอกาสหรือจังหวะดีๆ เพื่อเข้าใหม่ การถือติดลบไว้ เป็นการเสียโอกาสในการหาจังหวะเข้าใหม่ในสัญญาณดีๆ และต้องมานั่งเครียด เพราะกลัวว่า มาจิ้น จะหมด คังคำที่พูดกันว่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย และ ลบน้อยตัดยาก ลบมากตัดง่าย ถ้าเลวร้ายจริงๆ คุณอาจจะโดนคำสั่งปิด Margin Call ดังนั้นเมื่อทำการเทรดทุกครั้ง ควรหาจุด Stop Loss จุดที่คุณควรปิดทิ้ง เมื่อราคาวิ่งตรงข้าม จากทีคาดการณ์ไว้ โดนอาจจะกำหนดไว้เลย เช่น Exit stop Loss -20 จุด -30 จุด หรือตั้งไว้ตามแนวรับแนวต้าน Support- Resistance
5. ปิดทำกำไรเมื่อได้โอกาส หรือด้วยความพอใจของเรา(take Profit when the trade is good)
ก่อน ทำการเทรด ตั้งเป้าหมายไว้ ว่าต้องการกำไรเท่าไร เมื่อได้โอกาส ก็ควรปิดทำกำไร เป้าหมาย (Target) อาจจะกำหนดตายตัว หรือ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเรา เช่น ทำกำไร 20 จุด หรือ 30 จุด หรือกำหนด ตามแนวรับแนวต้าน ( Support and Resistance) หรือกำหนด โดย Fibonaccy ก็ได้
6. ตัดอารมณ์ออกไป(Be Emotionless)
สอง อารมณ์ ที่มีผลมากให้การเทรด คือ ความโลภ ( Greedy) และความกลัว(fear) อย่าทำให่้สองสิ่งนี้ครอบงำจิตใจของคุณ เพราะมันจะทำให้คุณไม่สามารถเทรดได้ หมั่นฝึกฝนเทรดให้เป็นระบบ เทรดตามแผน หรือระบบเทรดที่คุณได้เตรียมไว้ จัดการ กับ การกำหนดจุดเข้า ( Entry Position) จุดออก ( Exit Position) ระบบการเงินของคุณ(Money Management) เพียงแค่นี้ คุณก็จะประสบความสำเร็จกับฟอเร็กได้
7. อย่าเทรดตามคนอื่น ( Do not trade base on tips from other people)
ควรเทรดตามระบบ ตามสัญญาณ หรือตามแผนที่วางไว้ อย่าเทรดตามคนอื่นโดยเด็ดขาด วิเคราะห์ให้ดีทุกครั้งก่อนการเทรด
8. จดบันทึกการเทรด (Keep A trade journal)
เมื่อ คุณเปิดคำสั่ง ซื้อ (Buy/Long) ให้จด เหตุผลว่าเข้าเพราะอะไร และจดความรู็้สึกตอนนั้นไว้ เมื่อเปิดคำสั่ง ขาย ( sell/Short) ก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วนำมาวิเคราะห์ บันทึก ข้อผิดพลาด ในการเทรด ขำข้อผิดพลาดของคุณที่เกิดขึ้น นำมาเป็นบทเรียน แล้วอย่าทำตามนั้นอีก
9.เมื่อไม่แน่ใจไม่ต้องเทรด( When in doubt, stay out)
เมื่อ คุณไม่มั่นใจหรือกำลังสับสน กับสภาวะของตลาดไม่แน่ใจว่าราคาจะวิ่งไปทางไหน ให้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องเทรด ออกไปเดินเล่นหาอย่างอื่นทำ แล้วก็รอตลาดในช่วงต่อไป คุณค่อยมาหาจังหวะการเทรดใหม่
10. อย่าเทรดมากเกินไป ( DO Not Over Trade)
ไม่ ควรเปิดเทรดมากเกินไป ในการเทรดแต่ละครั้งควรมีออเดอร์ที่เปิดทิ้งไว้ ไม่เกิน 3 ออเดอร์ ถ้ามีมากเกินไป คุณอาจจะควบคุมไม่ได้ หรือาจจะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเมื่อตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นอย่าเปิดเทรดจนมากเกินไป
สิ่งที่จะแนะนำเพิ่มเติมคือ ก่อนที่จะเริ่มเทรดด้วยเงินจริงนั้น ควรจะลองเทรดด้วยเงินปลอม เสียก่อนนะครับ อย่างน้อยๆ 1-3 เดือนเป็นอย่างต่ำ

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,559.0.html

กลยุทธ์การตั้ง Stop Loss (จุดขาดทุน)

"ทำไมราคาวิ่งมาชน Stop loss (SL) ของเราอีกแล้ว" นี่น่าจะเป็นคำถามที่เทรดเดอร์ถามตัวเองแบบเซ็งๆเป็นประจำเมื่อออเดอร์ของเราโดน SL
ที่ มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตลาดจะทำทุกอย่างที่มันอยากจะทำ เคลื่อนไหวไปในทางที่มันอยากจะไป เทรดเดอร์ต้องเจอกับความท้าทายใหม่ๆทุกวัน ส่วนมาก็จะเป็นในเรื่องของการเมืองทั่วโลก เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่กระทั่งข่าวลือที่เกี่ยวกับธนาคารกลางที่สามารถทำให้ราคาวิ่งไปใน ทิศทางไหนก็ได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยที่คุณไม่ทันได้ตั้งตัว นั่นก็หมายความว่า จะต้องมีเทรดเดอร์บางคนที่เปิดออเดอร์ในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับราคาตลาด และต้องเสียเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าเราสามารถควบคุมได้ว่าเราจะทำอย่างไรเมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์อย่าง นั้น เราสามารถปิดออเดอร์เพื่อตัดการขาดทุนในตอนนั้นเลย หรือว่าคุณจะนั่งรอคอยความหวังว่าราคามันจะกลับมาในที่ที่คุณต้องการ และถ้ามันไม่กลับมาอย่างที่คุณหวังไว้แล้วคุณปล่อยไปอย่างนั้นเรื่อยๆโดยไม่ มีการตัดสินใจ พอร์ตของคุณก็อาจจะสะอาดได้ (ล้างพอร์ต)
คำพูดที่ว่า  "Live to trade another day!" น่าจะเป็นคำขวัญของเทรดเดอร์มือใหม่ทุกคน เพราะ ยิ่งคุณอยู่รอดได้นานเท่าไหร่ คุณก็สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จของคุณด้วย
กลยุทธ์การเทรด อีกอย่างที่สำคัญคือการ  "stop losses" ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่เทรดเดอร์ควรจะรู้ไว้เพื่อเป็นอาวุธอย่างหนึ่งใน การเทรด การที่มีการตั้ง SL นี้ นอกจากจะช่วยตัดการขาดทุนของคุณเพื่อให้มีโอกาสในการกู้สถานการณ์แล้ว มันยังช่วยขจัดความวิตกกังวลที่เกิดจากการสูญเสียในการเทรดโดยไม่ต้องวางแผน ด้วย และความเครียดที่ลดลงมันก็เป็นผลดีในการเทรดของคุณด้วย
จุด SL ควรจะเป็นจุดที่ "ลบล้างความคิด" ในการเทรดสำหรับออเดอร์นั้นๆของคุณ ดังนั้นเมื่อราคามาถึงจุด SL มันก็น่าจะเป็นสัญญาณว่า "มันถึงเวลาที่ต้องออกจากออเดอร์นี้แล้ว"
การตั้งจะ SL นั้นมี 4 วิธี ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน หรือเลือกแล้วแต่ความถนัดของเรา
1. หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน
2. หยุดตามรูปแบบของกราฟ
3. หยุดตามความผันผวน
4. หยุดตามเวลา


https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTc56U7ozJ2laT_iIk2sD9PpKMUm_VzBT_E-bIO1yRHD_5ynKz1

1. หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน
การ ตั้ง SL แบบนี้เป็นการตั้ง SL แบบพื้นฐานที่สุด โดยใช้การกำหนดความเสี่ยงจากสัดส่วนของเงินทุนที่อยู่ในบัญชี อย่างเช่นว่า เราเต็มใจที่จะเสี่ยงขาดทุนได้ที่ 2% ต่อการเทรดในแต่ละครั้ง แต่ว่าเทรดเดอร์ทุกคนจะยอมรับความเสี่ยได้ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะรับความเสี่ยงได้ถึง 10% ในขณะที่บางคนอาจจะยอมเสี่ยงได้เพียงแค่ 1% เท่านั้น
และในการตั้ง SL คุณควรจะตั้งตามสภาวะของตลาด หรือตามกฎของระบบเทรดของคุณ ไม่ใช่ว่าตั้งตามจำนวนเงินที่คุณจะยอมสูญเสียได้
สับสนมั้ยคะ :) งั้นเรามาดูตัวอย่างกัน
นาย แดง มีบัญชีมินิ ที่มีเงินอยู่ $500 และ ขนาด Lot size ที่เขาสามารถเทรดได้คือ 10k ( ในบัญชีมินิ 10k เท่ากับการเทรดที่ จุดละ $1) แดงต้องการที่จะเทรด GBP/USD และเขาเห็นว่าราคาวิ่งอยู่แถวๆแนวต้านที่ระดับ 1.5620 เขาจึงต้องการที่จะเซล และตามกฎการลงทุนของเขาคือ เขาจะไม่เสี่ยงเกิน 2% ของเงินทุนในการเทรดแต่ละครั้ง และสำหรับการเทรดที่ขนาด 10k ของ GBP/USD แต่ละจุดมีค่า $1 และ 2% ของเงินในบัญชีแดงเท่ากับ $10 ดังแดงก็จะตั้ง SL ได้มากที่สุดที่ 10 จุด ดังนั้นแดงจะต้องตั้งจุด SL ของเขาไว้ที่ 1.5630


แต่ ว่า GBP/USD มีการเคลื่อนไหวทีมากกว่า 100 จุดต่อวัน ราคาจึงอาจจะวิ่งมาชนจุด SL ของแดงได้อย่างง่ายดาย เพราะตำแหน่ง SL นั้นจำกัดด้วยการตั้งค่าความเสี่ยงจากเงินในบัญชีของเขา และเขาตัง SL ด้วยโดยยึดตามจำนวนเงินที่เขาสามารถสูญเสียได้ แทนที่จะกำหนดตามเงื่อนไขจากการเคลื่อนไหวของ GBP/USD


 และ ในที่สุด ราคาก็วิ่งมาชน SL ของแดง เพราะว่าจุด SL ของเขาที่วางไว้น้อยเกินไป และนอกเหนือจากนั้นคือ เขาเสียโอกาสที่จะเก็บมากกว่า 100 จุดด้วย
จากตัวอย่างนี้คุณได้เห็นถึง อันตรายจากการตั้ง SL จากการใช้สัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน ที่บังคับให้เทรดเดอร์ต้องตั้งจุด SL ในระดับราคาที่ไม่เหมาะสมกับสภาวะของตลาดและอย่างในกรณีนี้ จุด SL ก็อยุ่ใกล้กับจุดเปิดออเดอร์มาก และเป็นการตั้ง SL ที่ไม่ได้ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมด้วยเลย (เห็นว่าใกล้แนวต้านก็ใส่เลย ไม่ได้วิเคราะห์อย่างอื่นร่วมเลย)
คุณรู้อยู่แล้วว่า คุณควรจะตั้ง SL ในระดับที่ราคาสามารถจะกลับตัวมาในทิศทางที่คุณคาดคิดไว้โดยไม่ชน SL ของคุณ แต่ในกรณีนี้ราคามันวิ่งไปชน SL เข้าแล้ว จึงหมดโอกาสที่จะทำกำไรได้ และ วิธีแก้ปัญหาสำหรับแดงก็คือ หาโบรคเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตร์การเทรดและเงินทุนของเขา
ในกรณีของแดง เขาควรแก้ไขโดยการหาโบรคเกอร์ที่เขาสามารถกำหนดขนาดการซื้อขายที่เล็กลง หรือแม้แต่สามารถกำหนดขนาดเองได้ อย่างเช่น สามารถเทรดที่ขนาด 1k ในคู่เงิน GBP/USD ได้ ซึ่งแต่ละจุด จะมีค่าเท่ากับ $0.10 ซึ่งจะทำให้แดงสามารถตั้งจุด SL ได้ตามเงื่อนไขความเสี่ยงของเขาได้อย่างสบายๆ แดงจะสามารถตั้งจุด SL สำหรับการเทรด GBP/USD ได้ถึง 100 จุด ในความเสี่ยงที่ 2% ของเงินในบัญชีของเขา และตอนนี้เขาก็สามารถตั้ง SL ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งเป็นไปตามกฎของระบบการซื้อขาย ตามแนวรับแนวต้านแล้ว


2. หยุดตามรูปแบบของกราฟ
วิธี การหาจุด SL อีกวิธหนึ่งที่เหมาะสมมากกว่าวิธีแรกคือ ตั้งตามรูปแบบของกราฟ เป็นการตั้ง SL โดยยึดตามสิ่งที่ที่ตลาดบอกเราด้วยรูปแบบของตัวมันเอง
เรา สามารถสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาได้ ในบางครั้งราคาก็ดูเหมือนไม่สามารถที่จะวิ่งทะลุผ่านแนวรับแนวต้านนั้นๆ และก็มีบ่อยครั้งที่ราคาวิ่งผ่านแนวรับแนวต้านไปได้ในที่สุดหลังจากวิ่งไป วิ่งมาอยู่ในกรอบแนวรับแนวต้านนั้นมาระยะหนึ่ง
การตั้งจุด SL ให้เหนือหรือต่ำกว่าระดับแนวรับแนวต้านนั้นก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลในกรณี ที่ราคาไม่ Break ระดับแนวรับแนวต้าน แต่ถ้าราคาสามารถ break กรอบราคานั้น ก็จะทำให้เทรดเดอร์อื่นๆเห่เข้ามาเล่นด้วยเมื่อเห็นการทะลุของราคา (Breakout) และเทรดเดอร์เหล่านั้นอาจจะทำให้ราคาวิ่งไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับออเดอร์ ของคุณ(ที่เล่นอยู่ในกรอบราคา) ได้ และอย่างที่คุณทราวว่าเมื่อเวลาพักตัวอยู่ในกรอบราคานั่นหมายถึงการสะสมพลัง ซึ่งเมื่อราคาเกิดการ Breakout แล้วก็มีแนวโน้มมากที่ราคาอาจวิ่งพุ่งเป็นเทรนไปในทิศทางนั้นๆ  ต่อไปเรามาดูตัวอย่างการตั้ง SL อีกอย่างหนึ่งเมื่อเกิดการ Breakout ของราคา
จากตัวอย่างเป็นการตั้ง SL โดยยึดตามแนวรับแนวต้าน


ตาม ภาพตัวอย่างเราเห็นได้ว่าราคามีการซื้อขายกันอยู่เหนือเส้นแนวรับ (สีดำ) และเมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านแนวต้านด้านบน (สีแดง) ไปได้คุณก็คิดว่ามันการ Breakout ที่สวยงาม และคุณตัดสินใจที่จะซื้อตามแนวโน้มนั้น แต่ก่อนอื่นคุณต้องตั้งคำถามก่อนว่า ตรงไหนที่คุณจะตั้ง SL ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคาดคิดไว้ และเงือนไขอะไรที่จะบอกคุณได้ว่า ความคิดของคุณในการเข้าซื้อครั้งนี้ไม่ถูกต้อง


 ใน กรณีนี้ การตั้ง SL ที่สมเหตุสมผมมากที่สุดคือ ตั้ง SL ไว้ใต้แนวรับ (สำดำ) และเส้นเทรนไลน์ (สีแดง) และถ้าราคาวิ่งผ่านเส้นเทรนไลน์นี้ลงมาได้ ก็หมายความว่า มีแรงซื้อไม่พอและตอนนี้ผู้ขายเป็นฝ่ายควบคุมตลาด ดังนั้นความคิดของคุณในการเปิดออเดอร์ซื้อในครั้งนี้จึงเป็นความผิดพลาด และถึงเวลาที่คุณควรจะออกจากออเดอร์ของคุณและยอมรับการสูญเสีย คุณจะเห็นราคาวิ่งในลักษณะนี้ได้บ่อยมากในคู่เงิน EUR/USD

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,556.0.html

การตั้ง SL-TP

บทนี้มาดูการตั้ง SL - TP กัน sl คือจุดตัดขาดทุน tp คือ จุดปิดเก็บกำไร ตามภาพครับ

คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

1. ใส่ตัวเลขราคาที่ต้องการตัดขาดทุน ลงในช่อง Stop Loss
2. ใส่ตัวเลขราคาที่ต้องการปิดทำกำไร ลงในช่อง Take Profit

ระยะห่างส่วนต่าง ก็นับจากราคาที่เข้าเทรดอ่ะครับ ลองทำดูบ่อยๆ จะเข้าใจเองครับ

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,555.0.html

Take Profit จุดทำกำไร

Take Profit จุดทำกำไร
Take Profit คือ จุดทำกำไร โดย Take Profit นี้จะมีหน้าที่แตกต่างกับการ Stop Loss เพราะ Stop Loss หมายถึงจุดหนีเมื่อเรามาผิดทาง แต่ Take Profit นี้หมายถึงจุดทำกำไรเมื่อเรามาถูกทางครับ

ทำไมต้องมี Take Profit?
เหตุที่ต้องมี Take Profit เพื่อป้องกันกำไรที่คุณควรจะได้รับ
คุณ เคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ไหม เปิดออร์เดอร์มาแล้วเป็นกำไรหรืออาจจะลบก่อนแล้วค่อยเป็นกำไรและราคาก็ค่อยๆ ปรับตัวขึ้น แล้วหลังจากนั้นราคาก็ค่อยๆมีการปรับตัวลงมาเรื่อยๆ แต่กำไรก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจหรือยังไม่ถึงที่ราคาเป้าหมายของคุณ ทำให้คุณรู้สึกว่าราคามันน่าจะขึ้นไปต่อ ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นานราคาก็ลงมาเรื่อยๆจนถึงต้นทุน และจนราคามาถึงจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ที่คุณตั้งไว้ แล้วเมื่อราคามาถึงจุดนั้น คุณก็มักจะโทษตัวเองว่า “เราน่าจะปิดทำกำไรตั้งแต่ตอนแรก ก็คงไม่ต้องมาขาดทุนแบบนี้“ นี้แหละครับจึงเป็นสาเหตุที่จำเป็นจะต้องมี Take Profit เพื่อปกป้องกำไรที่จะกลับมาเป็นขาดทุน

แล้วเราจะตั้ง Take Profit อย่างไรดี?
Take Profit เราจะตั้งบริเวณจุดที่เราคิดว่าราคามันน่าจะไปถึง ซึ่งหลายคนก็จะมีเทคนิคการตั้ง Take Profit ที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น
บางคนอาจจะตั้ง Take Profit ตามแนวรับ-แนวต้าน เมื่อราคาเคลื่อนที่แบบ Sideway



บางคนอาจจะตั้ง Take Profit ไล่ตามราคา เมื่อราคาเคลื่อนที่แบบเป็น Trend




นี่ เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะครับ จริงๆแล้วสไตล์การตั้ง Take Profit นั้นมีเทคนิคต่างๆมากมายลองไปฝึกฝนหาราคาเป้าหมายจากประวัติราคา เช่น หาจุดเข้าจุดนี้จะออกว่า เราจะเข้าตรงไหน เราจะทำกำไรตรงไหน เป็นต้น ลองฝึกฝนดูนะครับ

ก็จบลงแล้วนะครับสำหรับเรื่อง “Take Profit จุดทำกำไร” บทความนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายครับเพียงแต่อยากให้เทรดเดอร์เห็นความสำคัญ ของ Take Profit ด้วยนะครับ อย่าให้ความสำคัญแต่กับ Stop Loss เพียงอย่างเดียวนะครับเพราะ Take Profit ก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,507.0.html

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การทำ Hedging สำหรับผู้เริ่มต้น


Hedging strategy
hedging strategy หรือ กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง เป็นกลยุทธ์การเทรดเพื่อป้องกันความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยที่จะเปิดออเดอร์ทั้งสองทาง ( Buy-Sell) ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเทรด EUR/USD คุณเปิดทั้งออเดอร์ Buy และ Sell ไว้อย่างละ 1 ออเดอร์ ออเดอร์ละ 1 lot ดังนั้น ไม่ว่าราคาจะวิ่งไปในทิศทางใด คุณก็จะไม่มีทางได้หรือเสีย ยอดรวมบัญชีของคุณจะความสมดุล หรืออาจกล่าวได้ว่า ความเสี่ยงในการเทรดของคุณเป็น 0
แล้วกลยุทธ์แบบนี้มันน่าสนใจตรงไหนล่ะ ?
ที่ น่าสนใจก็ตรงที่ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง หรือ Hedging นี้ถูกนำมาใช้เพื่อปกป้องผลกำไร และใช้ประโยชน์ได้เมื่อเวลาที่ราคามีการปรับตัว


การป้องกันเงินทุน 
ถ้า ออเดอร์ที่คุณเปิดมีการป้องกันความเสี่ยง ก็เท่ากับว่าคุณไม่ได้เสี่ยงอะไรเลย แม้ว่าจะมีความผันผวนเกิดขึ้นกับคู่เงินที่คุณเทรด แต่ยอดเงินทุนของคุณก็จะไม่เปลี่ยนไปเลย การป้องกันความเสี่ยงจะถูกนำมาใช้เมื่อมีการเปิดออเดอร์ไปแล้วแล้วเกิดไม่ มั่นใจในทิศทางของราคาในอนาคตขึ้นมา ก็จะใช้การ Hedging เพื่อเป็นการป้องกันผลกำไรที่มีอยู่จากออเดอร์ที่เปิดไว้แล้ว


ตัวอย่างที่ 1 
คุณ เปิดออเดอรN Buy ที่ตำแหน่ง 1.3950 หลังจากนั้นราคาได้ขึ้นไปและปิดที่ 1.4000 แต่คุณไม่แน่ใจว่า ราคาจะผ่านแนวต้านที่ระดับนี้ไปได้หรือไม่ (แนวต้านที่ 1.4000)  ดังนั้นคุณจึงป้องกันความเสี่ยง (Hedge) โดยการ Sell เพื่อให้คุณได้รอดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านนี้โดยที่ออเดอร์ของคุณยังปลอดภัย นอกจากนี้แล้วยังเป็นการป้องกันผลกำไรของคุณที่มีอยู่ก่อนหน้าในตำแหน่ง Buy ด้วย
สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้

ถ้าราคาวิ่งผ่านแนวต้านที่ 1.4000 ก็เท่ากับว่าได้เสียกำไรที่ควรจะได้จากการเปิดเออเดอร์ Buy ครั้งแรก เพราะตั้งแต่จุดที่ทำการ Hedge ด้วย ออเดอร์ Sell เราจะไม่ได้กำไรเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คุณได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น นั่นก็คือ ราคาได้ทุผ่าน 1.4000 ขึ้นมาได้แล้ว ทีนี้เราก็สามารถกำหนดวัตถุประสงค์ใหม่ในการเทรดสำหรับออเดอร์แรกที่ Buy ไว้ได้แล้ว ซึ่งคุณอาจจะปิดออเดอร์ที่คุณ Sell ไว้ แล้วปล่อยให้ออเดอร์ Buy ครั้งแรกของคุณทำกำไรต่อไป หรือแม้แต่เลือกที่จะเปิดออเดอร์ Buy เพิ่มนั่นก็แล้วแต่คุณ
อีกกรณีหนึ่งก็คือ ถ้าราคาไม่ทะลุผ่านแนวต้านที่ 1.4000 ขึ้นไป แต่ราคากลับลงไปที่ 1.3950 แต่คุณยังเชื่อว่าราคาจะต้องกลับชึ้นไปในทิศทางเดิม ก็สามารถที่จะปิดออเดอร์ที่ Short ลงมาจาก 1.4000 แล้วเก็บกำไรตรงส่วนนี้เอาไว้ก่อน และยังเก็บออเดอร์ Buy ของคุณเอาไว้ ผลกำไรที่คุณได้จากตรงนี้ก็เท่ากับว่าเป็นกำไรจากการ Buy ครั้งแรกไปจนถึงตำแหน่ง 1.4000 นั่นเอง เท่ากับว่าคุณได้ปกป้องกำไรในส่วนนั้นไว้ และตอนนี้คุณก็จะต้องเผชิญหน้ากับความผันผวนจากความเสี่ยงในออเดอร์ Buy ของคุณอีกครั้งหนึ่ง

ตัวอย่างที่ 2
คุณ Buy EUR/USD ตั้งแต่ 1.3950 และราคาในปัจจุบันคือ 1.4000 แต่กำลังจะมีการประกาศข่าวที่สำคัญของค่าเงิน USD และคุณคาดว่าจะมีความผันผวนที่อาจทำให้ราคาวิ่งไปชนจุด Stop Loss ของคุณได้ คุณจึงจะหาทางที่จะปกป้องผลกำไรของคุณโดยการ Hedge เพื่อป้องกันความเสี่ยงของออเดอร์ของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเอา Stop Loss ของคุณออกได้ชั่วคราวในช่วงที่มีความเสี่ยงจากภาวะราคาผัวผวนมากๆจากข่าว และที่นี้คุณก็สามารถืออเดอร์รอดูข่าวได้อย่างไม่ต้องมีความเสี่ยงใดๆ ถ้าข่าวที่ออกมาส่งผลดีกับออเดอร์แรกของคุณ (Buy) คุณก็สามารถปิดออเดอร์ Hedge (Sell) ของคุณได้เพื่อให้ ออเดอร์ Buy ของคุณวิ่งทำกำไรต่อไปในแนวโน้มขาขึ้น

ประโยชน์จากการ Hedge เมื่อราคาปรับตัว
คุณ สามารถใช้ประโยชน์จากการ Hedging ออเดอร์ของคุณ เมื่อราคามีการปรับตัวในราคาวิ่งไปตามแนวโน้ม ซึ่งจะทำให้ผลกำไรของคุณเพิ่มเป็น 2 เท่า คือ คุณจะได้กำไรจากทั้งการ Buy และ Sell และในการใช้กลยุทธ์นี้ในการเทรด คุณควรจะต้องรู้ก่อนว่าจุดกลับตัว หรือจุด Retracement นั้นอยู่ตรงไหน เพื่อที่จะเข้าออเดอร์ได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น

ตัวอย่าง
คุณ คาดว่า EUR/USD จะวิ่งในทิศทางขาขึ้น คุณจึงเปิด Buy ที่ 1.3950 และเป้าหมาย Take profit ของคุณอยู่ที่ 1.4100 ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.4000 และคุณคาดว่าราคาจะลงมาพักตัวที่ระดับ 1.3980 ดังนั้นคุณจึง Hedge ด้วยการ Sell ที่ 1.4000 และคุณ และเมื่อราคาลงมาถึงระดับ 1.3980 คุณก็ปิดออเดอร์ Sell ของคุณ คุณก็จะได้กำไรในส่วนนี้ไปก่อน แต่คุณยังเก็บออเดอร์ Buy ในครั้งแรกของคุณไว้และหวังว่าราคาจะวิ่งไปถึงเป้าหมายของคุณ (1.4100) แต่อย่างไรก็ตาม ที่แน่ๆคุณได้กำไรจากการ Hedge ออเดอร์ Sell ของคุณ กว่า 20 จุดไปเรียบร้อยแล้ว
อันที่จริงในกรณีนี้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้เปิดออเดอร์ Hedge แต่ในการเปิดออเดอร์แรกของคุณก็ทำกำไรได้ 30 จุด อยู่แล้ว ( 1.3980-1.3950 = 30 จากการเปิด Buy ในครั้งแรก)
และเมื่อมีการ Hedge กำไรของคุณจะกลายเป็น 50 จุด (1.3980-1.3950 = 30 จากการเปิด Buy ในครั้งแรก และ 1.4000 -1.3980 = 20 ในการเปิด Sell เพื่อ Hedge)
สรุปก็ คือ ถ้ามีการปรับตัวของราคาเกิดขึ้น คุณก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้เพื่อทำกำไรได้ แต่ถ้าราคาไม่มีการปรับตัว คุณก็อาจจะสูญเสียกำไรส่วนหนึ่งที่คุณควรจะได้รับไป
ตั้งข้อสังเกตว่า บางโบรคเกอร์ไม่อนุญาตให้คุณให้กลยุทธ์การ Hedging ดังนั้น คุณควรสอบถามกับทาง Broker ก่อนว่าเค้าอนุญาตรึเปล่า

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,482.0.html

การอ่านข่าว Forex Factory

ข่าวนั้นก็ถือว่ามีความสำคัญทีเดียวเลยครับ สำหรับ Trader อย่างเรา
เพราะการเคลื่อนที่ของราคานั้นมันก็มาจากปัจจัยพื้นฐานครับ
ดังนั้นนะครับอย่าเพิ่งมองข้ามสิ่งนี้ไป...
สำหรับชาวเทรด forex อย่างเรานะครับ ก็มีเว็ป forexfactory เป็นเว็ปที่ให้ข่าวสำคัญทีเดียวเลยครับ
จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากทีเดียวเลยครับสำหรับการเทรด

Forex news : ข่าวที่มีผลต่อตลาดเงิน โดยส่วนมากจะเป็นข่าวเศรษฐกิจนะครับ โดยหลักๆจะมี
อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate), อัตราจ้างงาน (Employment Change), การประกาศตัวเลข GDP เป็นต้นครับ

สมมุติ ว่าประเทศนั้น มีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น แสดงว่าคนในประเทศนั้นก็จะมีรายได้มากขึ้น การจับจ่ายใช้สอยสินค้าก็มากขึ้น ส่งผลให้ประเทศนั้นมีเศรษฐที่ดีขึ้น ค่าเงินของประเทศนั้นๆก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

แต่ในทางกลับกันนะครับ ถ้าประเทศนั้นมีการจ้างแรงงานลดลง แสดงว่าคนในประเทศนั้นก็จะมีรายได้ที่ลดลง การจับจ่ายใช้สอยสินค้าก็ลดลง ส่งผลให้ประเทศนั้นมีเศรษฐที่ลดลง ค่าเงินของประเทศนั้นๆก็จะลดลงตามไปด้วย

ถ้าเรารู้แล้วว่าประเทศนั้นค่าเงินจะเพิ่มมากขึ้นหรือน้อยลง แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าคู่งั้นจะลดลงหรือเพิ่มมากขึ้น??

ผมขอยกตัวอย่างคู่เงิน EUR/USD นะครับ ก็คือว่า ถ้าตัวหน้า (EUR) แข็งค่าขึ้น คู่เงินนี้ก็จะมีค่าเพิ่มขึ้น
,ถ้า ตัวหน้า (EUR) อ่อนค่าลง คู่เงินนี้ก็จะมีค่าลดลง,ถ้าตัวหลัง (USD) แข็งค่าขึ้น คู่เงินนี้ก็จะมีค่าลดลง ,ถ้าตัวหลัง (USD) อ่อนค่าลง คู่เงินนี้ก็จะมีค่ามากขึ้น 

สรุปก็คือ ถ้าตัวหน้าแข็งค่าคู่เงินนั้นก็จะมีค่าเพิ่มขึ้น,  ถ้าตัวหลังแข็งค่าคู่เงินนั้นก็จะมีค่าลดลง

เรามาเริ่มทำการเรียนรู้เกี่ยวกับการดูข่าวที่ forexfactory กันเลยนะครับ

>> http://www.forexfactory.com << เมื่อเปิดเว็ปนี้เข้ามาแล้วนะครับ
ก่อนอื่นเลยเราต้องไปปรับเวลาตามประเทศไทยครับจะได้ไม่เกิดความสับสน
วีธีแก้ไขก็ง่านนิดเดียวครับ ทำตามนี้เลย


หลังากที่เราต้องเวลาไปเรียนร้อยแล้วนะครับ เราก็จะมาทำการเรียนรู้ว่าช่องต่างๆบอกอะไรเราบ้าง
ตามนี้เลยครับ


ถ้าค่า Actual ต่างกับค่า Previous มากเท่าไหร่ยิ่งส่งผลต่างค่าเงินมากเท่านั้นนะครับ
แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับ Impact ด้วยนะครับว่ามีผลกระทบต่อค่าเงินมากไหม ถ้ามีผลกระทบต่อค่าเงินมากก็จะส่งผลให้ค่าเงินนั้นเคลื่อนแรงมากเช่นเดียว กันครับ

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่นะครับ
ช่วงเวลาที่ข่าวออกนั้นกราฟจะเคลื่อน ขึ้น-ลง แรงกว่าปกตินะครับให้เลือน Stop Loss ให้แคบลงนะครับ
หรือจะตั้ง Stop loss แบบไล่ตามราคาไปเลยก็ได้ครับ เพื่อความปลอดภัยของพอร์ตลงทุน

 ศึกษาข้อมูลได้ที่ siammetatrader.com/index.php/topic,126.0.html

กว่าจะกลับมาเท่าทุน

รู้ไหมครับว่า...?

ในการที่เราขาดทุนแต่ล่ะครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่เราจะให้ทุนนั้นกลับมาเท่าเดิม
เราต้องทำกำไรให้ได้มากกว่าเปอร์เซ็นต์ที่ขาดทุนไปหลายเท่า กว่าทุนนั้นจะกลับมาเท่าเดิม

มี หลายคนที่เทรดเสียมากๆแล้วเกิดอารมณ์อยากเอาคืน ทำให้ขาดสติในการเทรดโดยไม่มีการวางแผน หวังเพียงแค่อยากได้ทุนคืนเท่านั้น สุดท้าย..ต้องพ่ายแพ้ต่อตลาดไป

**ดังนั้นเราควรมีการวางแผนในการเข้าเทรดเป็นอย่างดี และ Stop Loss ในจุดทื่เหมาะเพื่อป้องกันการขาดทุนของเราให้อยู่ในขอบเขต

 
 
ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,120.0.html

จะขาดทุนได้กี่ครั้ง

คุณเคยคำนวณดูไหมครับว่า ??

ในการขาดทุนแต่ละครั้งของคุณ คุณจะ Stop loss ไม่เกินกี่ % ของต้นทุน
และถ้า Stop Loss ต่อกันสัก 10 ครั้ง พอร์ตของคุณจะเป็นอย่างไร ??
คุณยังจะเหลือเงินทุนไว้เทรดต่อหรือไหม?
การบริหารแบบนี้เป็นการวางแผนรับภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้พอร์ตลงทุนของเราไม่เสียหายจนเกินไป
** ในการเปิดออร์เดอร์แต่ละครั้งควรเข้าจุดที่มั่นใจหากไม่มั่นใจควรรอจนกว่าจะ มั่นใจเพื่อเป็นการลดการขาดทุนที่ดีที่สุด และควรบริหารพอร์ตลงทุนให้อยู่ในความเสี่ยงที่เรารับได้...ขอบคุณมากครับ

 
 
ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,119.0.html

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สิ่งที่ผู้เทรด Forex จำเป็นต้องทำ

เป็นที่เชื่อกันว่า มากกว่า 50% ของผู้ที่เล่น Forex นั้นขาดทุนในระยะยาว แต่ก็ยังคงมีนักเล่น Forex หน้าใหม่จำนวนมาก กระะโดดเข้ามาในตลาด Forex ทำการซื้อขาย อย่างไร้หลักการ และขาดทุนกลับไป เป็นที่หน้าแปลกใจที่ส่วนใหญ่ของ ผู้เทรดที่ขาดทุนนั้น ทำการเทรดเหมือนพนัน (ไม่ใช่การลงทุน) เงินทุนของพวกเขา เข้าไปในตลาด Forex โดยไม่ได้มีการตรวจสอบกับหลักการเลย ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ หรือเป็นผู้เริ่มต้น กับตลาด Forex มีสิ่งที่จำเป็น "ต้องทำ" ในการเข้าเทรด Forex เพื่ออบริหารความเสี่ยงอย่างฉลาด และเพิ่มโอกาศในการทำกำไร

สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 1 ลงทุนกับสมองของคุณเป็นอันดับแรก
ถ้าคุณต้องการลงทุนในตลาด Forex อย่างจริงจัง การสร้าง ทักษะการเทรด และความรู้ เป็นสิ่งแรกที่คุณต้องทำ การเข้าสมนา Workshop, วิดีโอการสอน, การเรียนรู้ออนไลน์ หรือแม่กระทั้ง หนังสือ เพื่อช่วยให้เราเรียนรู้จากนักเทรดมืออาชีพ เรียนรู้การใช้ กราฟ ทางเทคนิค ประกอบการตัดสินใจการเข้าเทรด เรียนรู้การใช้ indicator เพื่อเป็นตัวชี้จังหวะ การเข้า และออกจากตลาด สร้างประสบการณ์ ด้วยการเทรดผ่านบัญชีจำลอง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพ และสามารถให้คุณเริ่มต้นกับ Forex ได้อย่างราบรื่น และสามารถ ลดโอกาศในการขาดทุนได้อย่างแน่นอน

สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 2 เริ่มต้นกับระบบเทรดที่เหมาะสม
เป็นสิ่งที่ฉลาด และควรทำ ที่จะค้นคว้าหาข้อมูล และพิจารณา ระบบของโบรคเกอร์ทั้งหมดที่มี ก่อนที่เราจะเลือกใช้เเพื่อทำการทรดจริง ระบบของโบรคเกอร์ที่แตกต่างกันนั้นเช่น ระบบการแสดงกราฟ ระบบการเทรดอัตโนมัติ ระบบเทรดที่ได้ออกแบบมาอย่างดี
จะช่วยให้งานของเราน้อยลง สิ่งนี้จะช่วยให้เรามีเวลา ที่จะเรียนรู้ตลาด และวางแผนกลยุทธ์ชองเราได้มากยิ่งขึ้น อีกสิ่งที่ทำให้ระบบเทรดอัตโนมัติ นั้นมีประโยชน์มาก นั้นคือ การใช้ระบบเทรดอัตโนมัติ จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการเทรดโดยใช้อารมณ์ได้

สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 3: มีแผนการเทรดอย่างชัดเจน
อย่างที่ผู้เฒ่า ผู้แก่ กล่าวไว้ว่า "การล้มเหลวในการวางแผน เป็นแผนสำหรับความล้มเหลว" การเทรดในตลาด Forex นั้น เหมือนกับการ พายเรือในทะเล คุณจะไม่สามารถไปไหนได้เลย ถ้าไม่มี เข็มทิศ และตัวนำทาง อะไรเป็นจุดประสงค์ของการเทรด? คุณคาดหวังจะได้กำไรจากการเทรดเท่าไหร่? เมื่อไหร่ถึงจะเข้าไปในตลาด? จะลงทุนเท่าไหร่? จะออกจากตลาดที่ราคาเท่าไหร่? ถ้าทั้งหมดไม่เป็นไปตามแผน จะ stop loss เมื่อไหร่? จะทนต่อความเสี่ยงได้ขนาดไหน? แผนการเทรดที่ดี อย่างน้อยควรจะตอบคำถามทั้งหมดนี้ได้ ถ้าแผนการเทรดของคุณไม่ประสบผลสำเร็จ ตรวจสอบ และแก้ไข แผนการเทรดของคุณ ค้นหาสิ่งที่ผิดพลาด แล้วเรียนรู้จากมัน

สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 4: มีการบริหารเงินทุนที่ดี
การบริหารเงินทุน เป็นสิ่งที่ควบคุมความเสี่ยงของคุณ และช่วยในการตัดสินใจในการออกจากตลาด โดยให้น้ำหนักจาก โอกาศในการทำกำไร เปรียบเทียบกับ โอกาศในการขาดทุน ตัวอย่างเช่น ในสถานะการหนึ่ง ถ้าไม่เป็นไปตามแผน คุณอาจจะขาดทุน $1000 แต่ถ้าเป็นไปตามแผน คุณจะได้กำไร $500 โดยแผนนี้สำเร็จ 8 ครั้ง จากทั้งหมด 10 ครั้ง นั้นเป็นการดีกว่า การทำกำไร $1000 ถ้าเป็นไปตามแผน แต่ถ้าไม่เป็นไปตามแผนจะขาดทุน $500 โดยแผนนี้สำเร็จเพียงแค่ 1 ครั้งจากทั้งหมด 3 ครั้ง ถ้าคุณลงทุนโดยใช้เงินเก็บของคุณเอง การบริหารเงินทุนนี้ ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะโอกาศที่คุณจะพลาดการลงทุนที่ดี เนื่องจากเงินทุนของคุณมีไม่มากนั้น สูง

สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 5: ลงทุนอย่างมีวินัย
การเทรด Forex อย่างมีวินัย นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ ความสำเร็จจากการเทรด Forex นั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพียงแค่ คุณมีแผนการเทรดที่ดีเท่านั้น อีกสิ่งที่สำคัญ และจำเป็น นั้นคืคุณต้องทำตามแผนนั้นอย่างมีวินัยด้วย เทรดตามแผน และไม่เทรดตามอารมณ์ ถึง จะขาดทุน หรือกำไร ความโลภอาจทำให้กำไรของคุณหายไป ในขณะที่ ความกลัว อาจะทำให้คุณพลาดโอกาศที่ดี ในตลาดได้เช่นกัน

กำไรจากตลาด Forex นั้นสูง และ เร็ว กว่าการเทรดชนิดอื่นมาก อย่างไม่ต้องสงสัย การเข้าถึงตลาดนั้นก็ไม่มีข้อจำกัด, ความลื่นไหลของตลาด, เป็นการลงทุน โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมาก ด้วย อัตรา leverage ที่สูง และ ไม่มีข้อจำกัดในการ Short Selling ทำให้ตลาด Forex สามารถทำกำไรได้สูงมาก จำไว้เสมอว่า การวางแผนการลงทุนอย่างฉลาด โดยการลงทุนให้กับตัวเงก่อน คุณจะได้รางวัลอย่างงามที่ปลายทาง

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,52.0.html

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Pending Order คืออะไร ? เค้าใช้ยังไง ?

Pending Order คืออะไร

สวัสดีครับ เพื่อนๆ เทรดเดอร์ทุกคน

หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเพื่อนๆเทรดเดอร์พูดกันหลายต่อหลายครั้ง เอร้ย มรึงใช้คำสั่ง Pending Order สิ ส่วนเราก็ทำหน้างงนิดๆแล้วก็ถามตัวเองว่า มันคืออะไรหว่า 555 เออๆ เด๋วกรูลองดู ...

คำว่า Pending Order ผมขอทับศัพท์เลยละกันนะครับ ไม่ขอเขียนเป็นคำไทย เด๋วราชบัญฑิตให้ผมแก้ ถึงกับซวยเลย   Pending Order คือ ประเภทคำสั่งที่เราใช้เพื่อเข้าออเดอร์ แต่ไม่ใช้ ณ เวลานี้ (Marketหรือ Instant Executed) โดยประเภทของคำสั่งในโบรกเกอร์ มีหลายประเภทมาก แต่เราก็นิยมใช้กันก็คือ Instant Execution ถ้าให้ผมแปลก็คือ เข้าทันที ทันใด ณ ราคา ขณะนั้นเลย หรือ ภาษาบ้านๆผมก็คือ เข้าแมร่งเลย 555+  หรือบางโบรกเกอร์ อาจจะใช้คำว่า Market  อีกคำสั่งนึงที่เป็นหัวข้อของเราในวันนี้ก็คือ PendingOrder ก็คือ รอเข้าในราคาที่เราคิดว่า มันจะ... ลงมาถึง  ... ขึ้นไปถึง ... ทะลุไปแล้วชน แล้ววิ่งฉลุยไปเลย หรือปะสาอังกิตหน่อย (เขียนผิดนิดนึง 555 ตั้งใจๆ ) Breakout แล้วไปเลย เป็นต้น . หรือที่ผมพูดบ่อยๆ มรึงจะรีบเข้าไปไหน รอราคามันไปถึงตรงนั้นก่อน ค่อยBuy Limit หรือ ตั้ง Sell limit สวนมันเลย  ..


คำสั่ง Pending Order มันมีสองประเภทใหญ่ๆ คือ


1.คำสั่ง Limit  (อ่านว่า ลีหมิด นะครับ ไม่ใช่ ลิมิต พลาดพิงนิดนึง ) คำสั่ง Limit คือ คำสั่งที่ใช้ตั้งสวนราคา แปลง่ายๆเลยละกัน มีสองประเภท

1.1 Buy Limit  เราจะใช้ก็ต่อเมื่อ ราคามันลง ๆๆ ลงมาเรื่อยๆ เราหาแนวรับได้แล้ว ประมาณว่า เราจะรับซื้อที่ราคานี้แหระ ก็ใช้คำสั่ง Buy Limit ได้เลยในขณะที่ราคายังไม่ถึง และอีกกรณี คือ เราเห็นราคามันขึ้น ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เราเข้าไม่ทันละ เราต้องคิดว่า ราคามันไม่ขึ้นอย่างเดียวหรอก มันต้องย่อ ก็หาราคาที่มันจะย่อ หรือหาราคาที่จะพักตัวนั่นเอง เพื่อที่จะเข้าออเดอร์ เมื่อหาราคาย่อได้แล้ว ก็ใช้คำสั่ง Buy Limit ทันที

1.2 Sell limit  ตรงข้ามกับหัวข้อ 1.1 เลยครับ มองกลับกัน หากเราคิดว่า ราคามันขึ้นมาถึงจุดนี้ ซึ่งเป็นแนวต้าน มันเด้งลงแน่นอน เราก็ใช้คำสั่ง Sell limit ตั้งรอมันเลย อีกกรณี กราฟเป็นขาลงอยู่ ก็ต้องคิดว่า มันคงไม่ลงอย่างเดียว มันต้องขึ้นพักตัวบ้างสิ เราก็หาราคาที่กราฟเด้งพักตัว พอหาเจอแล้ว ก็ใส่คำสั่ง Sell Stop  ได้เลยครับ


2.คำสั่ง  Stop  คำสั่ง Stop คือ คำสั่งที่ใช้ตามราคา ตามเทรน  อธิบายความหมายอาจจะไม่เข้าใจ มาดูเลยละกัน มีสองประเภท เหมือนกันครับ

2.1 Buy Stop เราจะใช้คำสั่งนี้ก็ต่อเมื่อ  กรณีแรก เราเห็นราคามันลงๆ ลงมาๆเรื่อยๆ ที่นี้เราจะรอเข้า แต่ราคามันต้องสร้าง Uptrend ก่อน ก็คือ จุดต่ำสุดยกตัวสูงขึ้น จุดสูงสุดก็ยกตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อเรารู้ว่า  มันเริ่มยกตัวสูงขึ้นแล้ว ก็ใช้จุดสูงสุดแรก เป็นจุดเข้า  Buy โดยตั้งสมมติฐานไว้ว่า ถ้าราคาทะลุ High แรกไป ออเดอร์ของเราจะเปิดทันที เราก็ตั้ง Buy Stop ไว้ที่ราคา High แรกเลย

กรณีที่สอง เราเห็นกราฟขึ้นมาสร้างจุดสูงสุด แล้วมันย่อตัวลงไปพักตัว แต่เราคิดว่า ราคามันต้องขึ้นไปต่อแน่นอน เราก็ไปตั้ง Buy Stop ไว้ที่ตำแหน่ง High ถ้าราคาขึ้นมา ออเดอร์ของเราก็จะเปิดทันที

2.2 Sell Stop คำสั่งนี้ก็ตรงข้ามกับหัวข้อ 2.1 ถ้าเราคิดว่า ราคาจะ Breakout Low เดิม ก็ใช้คำสั่ง Sell Stop ตั้งไว้ที่ Low เดิมได้เลย


Note : คำสั่ง Stop โดยส่วนใหญ่จะใช้คำสั่งนี้เพื่อเทรดแบบรอราคาทะลุ (Breakout Trading )


นอก จากนี้เรายังสามารถ แก้ไขออเดอร์ที่เราได้ตั้งไว้ (Pending Order) สามารถแก้ได้ทั้งราคาที่จะเข้า (Entry Price ) ราคาตัดขาดทุน (Stop Loss )  ราคาเป้าหมาย (Target Price ) รวมทั้งปรับขนาดของปริมาณการซื้อปริมาณการซื้อ ขายของเรา (Volume lot size) ได้อีกด้วย โดยการคลิกขวาที่ออเดอร์ที่เราเข้าไว้ที่ Terminal (Ctrl+T)

ลองเอาไปใช้กันนะครับ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆเทรดเดอร์ทุกคน

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,81.0.html

Haji Warithu เทรดเดอร์ค่าเงินชาวบรูไน

Haji Warithu เทรดเดอร์ค่าเงินอิสระชาวบรูไน เขาตัดสินใจออกจากงานประจำเพื่อเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างจากเทรดเดอร์อิสระหลายๆคน ที่ต้องการมีเวลาให้กับครอบครัว และต้องการใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างที่ใจต้องการมากขึ้น



ก่อนที่ Haji จะมาเป็นเทรดเดอร์อิสระ เขาทำงานในบริษัทขนส่งก๊าซ LNG (liquified natural gas) แห่งหนึ่งในประเทศบรูไน งานของเขาจะต้องเดินทางอยู่ในทะเลตลอดเป็นเดือนๆ เขาไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัวเท่าไหร่นัก จนในกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างที่เขาเดินทางอยู่กลางทะเลจากบรูไนไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อขนส่งก็าซ LNG เหมือนดังเคย เขาเริ่มมีอาการผิดปกติบางอย่าง สุดท้ายเขาพบว่าเขาเป็นมะเร็ง !!!!! และสิ่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง

Haji ตัดสินใจลาออกจากงาน และใช้เวลาอยู่ที่บ้านเพื่อเทรด forex แทน โดยเขาได้เรียนรู้การเทรด forex มาจาก Rob Booker เทรดเดอร์อิสระ ผู้เขียนหนังสือ The adventure of the currency trader โดยสำหรับเขาแล้ว Rob booker เป็นแรงบันดาลใจให้เขาก้าวเข้ามาสู่อาชีพเทรดเดอร์อิสระเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ Haji มีรายได้จากการเทรด forex เพียงอย่างเดียว การเทรดได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและทุกๆอย่างในชีวิตของเขา เขารักงานนี้ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเมื่อคุณได้ทำงานที่ตัวเองรักและมันให้ผลตอบแทนที่ดีกับคุณไปพร้อมๆกัน

เทคนิคการเทรดของ Haji
เขาเปิดเผยว่าเขาจะเน้นการเทรดสั้นๆ เข้าในจังหวะที่มั่นใจ และมีการวาง Stop loss ทุกครั้ง โดยในช่วงเริ่มต้นการเทรด เขาพยายามฝึกเทรดในจำนวน lot น้อยๆ แล้วค่อยๆเพิ่ม lot ขึ้นไปเรื่อยๆ ในจุดนี้ เทรดเดอร์มือใหม่ต้องระวัง จำไว้ว่า ในช่วงที่เพิ่งเริ่มทำกำไรได้ คุณต้องรักษาวินัยและระบบเทรดของตัวเองเอาไว้ให้มีความสม่ำเสมอ อย่าพยายาม overtrade ในช่วงเริ่มต้น คุณต้องค่อยๆก้าว จำไว้ว่าความสำเร็จนั้นมีขั้นตอน คุณเข้ามาในตลาดแห่งนี้เพื่อจะทำกำไรจากมัน ไม่ได้จะมาเป็น super star ในวงการ เพราะฉะนั้น คุณไม่ต้องเร่งจังหวะของตัวเองเกินไป เพราะการเร่งจังหวะ และการเพิ่ม lot ในขณะที่จิตใจคุณยังไม่พร้อมกับเงินที่ใหญ่ขึ้น นั่นจะทำให้คุณหมดตัวในตลาดแห่งนี้แม้คุณจะเทรดถูกทางก็ตาม

สำหรับระบบการเทรดของเขานั้น Haji เผยว่ามันเป็นอะไรที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน โดยเขาจะใช้ indicator ไม่กี่ตัว ก็คือ Bollinger Band, CCI และ supply demand โดยการเข้า order ที่ปลอดภัยก็คือ คุณจะเข้าซื้อที่แนวรับแนวต้านเท่านั้น เขาให้เหตุผลที่ออกแบบระบบให้เรียบง่ายนั้นเพราะเขาเชื่อว่าจริงๆทุกระบบสามารถทำกำไรได้ ดังนั้นคุณจะเลือกใช้ที่มันยากๆทำไม เพราะแท้จริงๆแล้ว คุณจะได้กำไรหรือไม่ ตัวระบบเทรดนั้นมีผลค่อนข้างน้อย สิ่งที่สำคัญคือระบบความคิดที่ถูกต้อง วินัย และ money management ต่างหากที่จะตัดสินว่าคุณจะอยู่ในอาชีพนี้ได้นานแค่ไหน

Time Frame ที่ใช้
เนื่องจากสไตล์การเทรดของเขาเป็นแนว Scalper เน้นเก็บ PIP สั้นๆ ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะใช้ TF 15 นาทีในการเข้า order แต่เขาก็เผยว่าคุณจำเป็นต้องตรวจสอบสัญญาณที่ตรงกันใน TF ที่ใหญ่กว่าอย่าง 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน ด้วยในการเข้าเทรด เพื่อลดโอกาสความผิดพลาด การเทรดตามแนวโน้มเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันคุณจากความเสียหายที่รุนแรงได้

อย่างไรก็ตาม เขาเปิดเผยว่าทุกวันนี้ สไตล์การเทรดของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากในช่วงแรกเล็กน้อย โดยเขาจะให้ความสำคัญกับ TF ที่ใหญ่กว่าเดิม และตั้ง target มากขึ้นพอสมควร โดยการเข้า order เขาชอบที่จะตั้ง pending order ไว้ที่แนวรับแนวต้านที่เขาวิเคราะห์ไว้ และก็ตั้ง Stop loss เผื่อไว้ รวมถึงวางแผนไว้ล่วงหน้าทั้งหมดว่าจะออกที่ตรงไหน

ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่
คุณต้องหวังที่จะเก็บแค่วันละ 10 PIP ก็พอ ทำไมต้องเก็บ PIP น้อยๆ ก็เพราะว่าแท้จริงแล้วการที่คุณหวังที่จะเก็บ PIP น้อยๆ อย่าง 10 PIP นั้นมันเป็นอะไรที่ง่ายและมีความเป็นไปได้ในการเทรดของคุณ แต่คุณอาจจะรู้สึกว่า 10 PIP สำหรับคุณมันน้อยเกินไป คุณหวังว่าจะได้วันละ 50 PIP คำถามก็คือ ถ้าวันนี้คุณยังขาดทุนอยู่ ไอ้ 50 PIP ที่คุณหวังมันคงไม่มีความหมายอะไรหรอก คุณควรต้องเริ่มคิดใหม่แล้วล่ะว่าการได้ 10 PIP ต่อวันมันดีกว่าการขาดทุนเพราะหวังจะได้ 50 PIP จริงไหม ก็ในเมื่อการได้ 50 PIP มันยากกว่าการได้ 10 PIP แล้วทำไมในช่วงเริ่มต้น คุณถึงไม่เลือกทำในสิ่งที่ง่ายล่ะ??

อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ คุณต้องวางแผนการเทรด เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณไม่เทรดโดยใช้อารมณ์และความโลภ เชื่อเหอะว่ามันจำเป็นหากคุณอยากจะดำรงชีพด้วยการเป็น freedom trader

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,63.0.html

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แผนการเทรด 3 ปี Admin Thaiforexschool.com

แผนการเทรด  3 ปี  ทำให้ได้ครับ เทรดให้ได้วันละ  10 จุดนั้นไม่ยากหรอกครับ   มันขึ้นอยู่กับว่า คุณมีวินัยและความอดทนได้มากแค่ไหนครับ ต้นๆปี 2015 ถ้าสำเร็จ พวกเรา มาร่วมฉลองความสำเร็จด้วยกันครับ โชคดีครับทุกท่าน  



วิธีที่จะเทรดให้ได้กำไรไม่มีให้ครับ หาด้วยตัวเองครับแต่จะมีกฎและข้อบังคับในการเทรดให้ครับ 
1. ถ้าเปิดออเดอร์แรก แล้วเข้าเป้า ให้เลิกทันที ( เป้าหมายไม่จำเป็นต้องวันละ 10 จุด อาจจะมากกว่านั้นก็ได้ ) 
2.ถ้าเปิดออเดอร์แรก แล้ว โดน Stop Loss ให้รอจังหวะและหาโอกาสเปิดออเดอร์ที่ 2 
  2.1 ถ้าออเดอร์ที่ 2  โดน Stop Loss ให้หยุดทันที 
  2.2 ถ้าออเดอร์ที่ 2 เข้าเป้าให้โอกาสตัวเองอีก 1 ครั้ง ในครั้งที่ 3 
หมายเหตุ .. ถ้าออเดอร์ที่ 2 ได้กำไรมากกว่าที่เสียในออเดอร์แรก ก็ให้หยุดทันทีครับ 
3. ไม่ว่าออเดอร์ที่ 3 จะเข้าเป้า หรือ โดน Stop Loss ก็ต้องหยุดทันทีครับ 

อย่าลืมนะครับ ว่า Volume lot ที่ใช้เทรด ต้องเอา Balance/10000 นะครับ  ผมเชื่อว่าถ้าพวกคุณและผมทำตามกฎนี้ไปเรื่อยๆ เราจะไม่ชนะตลาดนี้หรอกครับ แต่เราจะมีเงินจากตลาดแห่งนี้ที่คนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง 

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,74.0.html

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

ทำอย่างไร จึงจะหลุดพ้นจากคำว่า "ล้างพอร์ต"

คำว่า ล้างพอร์ตนั้นคือ พอร์ตเนียนใสสะอาด ปราศจาก  Margin  ยอดเงินเป็น 0 บางโบรกเกอร์ยอดเงินของเราติดลบอีกต่างหาก ( จากประสบการณ์ของผมเอง Fxcast Call margin  Balance -30 $ ) นอกจากมันจะตัดเราหมดแล้ว ยังให้เราเป็นหนี้มันอีก ดู ดู๊ ดู ดู มันทำ

สาเหตที่พวกเราล้างพอร์ตมาจากอะไร 
1. เทรดเยอะเกินทุน เช่นทุนมี 1000 ดอล เทรดกันซะ จุดละ 10 ดอล วิ่งได้ 100 จุด หมดเกลี้ยง
2. ไม่มี Stop Loss เช่น Short ไว้ มันขึ้น เออหน่า เด๋วลง รออีกแปบ รอจนหมด
3. ลงเพิ่มเมื่อติดลบ  ซ้ำกันเข้าไป เห็นมันขึ้นก็ยัง Sell ยิ่งขึ้นยิ่ง Sell ดูดิมึงจะขึ้นไปถึงไหน ฮ่าาๆ มันก็ขึ้นไปตัดพอร์ตเราแล้วลงมาไง
4.อารมณ์  ส่วนนี้สำคัญเลย สำหรับผม ถ้าอารมณ์เสียมาเมื่อไร พอร์ตกระจุยครับ
5. ทุนน้อยอยากได้เยอะ (โลภ) มีทุนร้อยเดียว จะเอาอาทิตย์ ละ 500 ดอล มันก็กดดันตัวเองสิ
6. บวกไม่ปิด ปล่อยจนลบหมดพอร์ต อันนี้เกิดขึ้นบ่อยนะครับ  อยากจะเป็น Long Term Trader พวกเทรดระยะยาว วางเรื่อยๆ ขึ้นก็ Buy เรื่อยๆ ขึ้นอีก Buy อีก จนได้กำไรเยอะมาก  อันนี้ประสบการณ์เลยครับ ทุน 2000 ดอล  Let's Profits Run ไปเรื่อยๆ จนวันศุกร์ ได้ 7000 ดอล สุดยอด เทพ ได้รับการขนานนามทันที ว่าเทพ แต่หารู้ไม่ว่า อีกสัปดาห์ต่อ กราฟมันเปลี่ยนทิศทาง แทนที่จะปิดเอากำไร เจือกปล่อย ให้ติดลบ แถมซ้ำเข้าไปอีก ยิ่งผิดทางยิ่งซ้ำ สุดท้ายจากกำไรก็เป็นขาดทุน

นึกไม่ออกว่าอะไรอีก แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ จึงจะหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้  อยากหลุดพ้นเต็มทน ไม่เอาแล้วกับการหมดพอร์ต เศร้า เสียใจ หาตังค์ไหนว้าเทรดอีก มันจะไม่เกิดกับเราอีกแล้ว

3 สิ่ง ที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากคำว่า ล้างพอร์ต 
1. ตัดขาดทุน
2.ตัดขาดทุนให้เร็ว
3.ตัดขาดทุนให้เร็วที่สุด 


ตัดขาดทุน มันยังเหลือทุน ให้เราได้เทรดต่อ แล้วเพื่อนๆล่ะ  หลุดพ้นจากคำๆนีหรือยัง "ล้างพอร์ต" แล้วมีวิธีแก้ไขตัวเองอย่างไร บอกเล่าประสบการณ์ กันนะครับ ผมเชื่อว่าเทรดเดอร์ทุกคนมีประสบการณ์กับการล้างพอร์ต  

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,78.0.html

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

สูตรได้มากกว่าเสีย 10 ข้อ ให้ท่องจำ ในการ เทรดforex

สูตรการเทรดforexให้ได้มากกว่าเสีย

1. การวางแผนการเทรดและเทรดตามแผนของคุณ(Plan your trade And Trade your plan)
ใน การเทรด ไม่ควรตัดสินตามอารมณ์ ความรู้สึกของคุณ ว่าราคาน่าจะขึ้น ราคาน่าจะลง แล้วเปิดคำสั่งเทรด คุณจำเป็นจะต้องมีการวางแผนในการเทรดเพื่อนำไปสู่ึความประสบความสำเร็จ
แผนการเทรดที่ดี ควรประกอบด้วย
-  การกำหนด จุดเข้า หรือ สัญญาณในการเข้าเทรด
-  การกำหนดจุด ขาดทุน ( Stop Loss)
-  การกำหนดเป้าหมายกำไร ( Target)
-  การวางแผนทางการเงิน ( Money Management)
-  การบริหารความเสี่ยง ( Risk Management) การจัดสรรค์การเรดให้เหมาะสม

แผน การเทรดที่ดีจะช่วยให้คุณตัดอารมณ์ ออกจากการเทรด ช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเครียด เวลาที่ติดลบ หรือ ไกล้จะ Call Margin ( เงินใกล้จะหมด)  ไม่ต้องถูกบังคับปิด เช่น มาจิ้นของคุณหมด ตัวอย่างแผนการเทรดหรือระบบเทรด คุณสามารถหาได้จาก google ลองหาแผนการเทรดที่เหมาะกับตัวของคุณ ลองทดสอบระบบ และเทรดตามระบบด้วยเงินปลอม อาจจะปรับปรุงให้เหมาะสมกับตัวของคุณ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรดของคุณ ซึ่งไม่มีระบบไหนที่ได้ผลการเทรดของคุณออกมา 100% ระบบเทรดที่ดี ควรมีประสิทธิ์ภาพมากกว่า 60 % ไม่ว่าคุณจะได้ระบบเทพ หรือ สุดยอดเทพ ยังไง คุณก็ต้องติดลบก่อน ไม่มีใครไม่เคย ติดลบ

2. แนวโน้มของกราฟ คือเพื่อนของคุณ ( The Trend is Your Friend )
อย่า คิดสวนเทรน  ให้หาสัญญาณ  Buy/ Long เมื่อ ตลาดอยู่ในสภาวะขาขึ้น ( Bullish Market ตลาดแดนบวก) และหาจังหวะ Sell/Short เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะขาลง ( Bearish Market ตลาดแดนลบ)

3. การรักษาเงินลงทุน ( Focus on capital preservation)
สิง สำคัญอีกอย่างสำหรับการเทรด ต้องรักษาเงินในบัญชีของคุณให้ดีที่สุด การเปิดคำสั่งเทรดแค่ละคำสั่ง ไม่ควรจะเกิน 10 % ของเงินในบัญชีเทรดของคุณ เช่น เงินทุน 1000 $ คุณควจจะเทรดไม่เกิน 100$ ถ้าไม่มีการรักษาเงินทุนไว้ เงินทุนจะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทรดมาก ได้มาก ก็เสียมาก เช่นกัน เมื่อเงินหมด คุณอาจจะท้อ หรือเลิกไปเลย เพราะฉะนั้น ควรจะเล่นน้อยๆ เรื่อย ๆ แล้ว จะประสบผลสำเร็จในตลาดฟอเร็ก ฟอเร็กไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย

4. ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะตัดขาดทุน (Know when to cut loss)
ถ้า ราคาวิ่งตรงข้ามกับที่คุณได้เทรดไว้ หรือคาดการณ์ไว้ สิิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ตัดเนื้อร้ายออกไป อย่าให้มันรุกราม แล้วหาโอกาสหรือจังหวะดีๆ เพื่อเข้าใหม่ การถือติดลบไว้ เป็นการเสียโอกาสในการหาจังหวะเข้าใหม่ในสัญญาณดีๆ และต้องมานั่งเครียด เพราะกลัวว่า มาจิ้น จะหมด คังคำที่พูดกันว่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย และ   ลบน้อยตัดยาก ลบมากตัดง่าย ถ้าเลวร้ายจริงๆ คุณอาจจะโดนคำสั่งปิด Margin Call ดังนั้นเมื่อทำการเทรดทุกครั้ง ควรหาจุด Stop Loss จุดที่คุณควรปิดทิ้ง เมื่อราคาวิ่งตรงข้าม จากทีคาดการณ์ไว้ โดนอาจจะกำหนดไว้เลย เช่น Exit stop Loss -20 จุด  -30 จุด หรือตั้งไว้ตามแนวรับแนวต้าน Support- Resistance

5. ปิดทำกำไรเมื่อได้โอกาส หรือด้วยความพอใจของเรา (take Profit when the trade is good)
ก่อน ทำการเทรด ตั้งเป้าหมายไว้ ว่าต้องการกำไรเท่าไร เมื่อได้โอกาส ก็ควรปิดทำกำไร เป้าหมาย ( Target) อาจจะกำหนดตายตัว หรือ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเรา เช่น ทำกำไร 20 จุด หรือ 30 จุด หรือกำหนด ตามแนวรับแนวต้าน ( Support and Resistance) หรือกำหนด โดย Fibonaccy  ก็ได้

6. ตัดอารมณ์ออกไป (Be Emotionless)
สอง อารมณ์ ที่มีผลมากให้การเทรด คือ ความโลภ ( Greedy) และความกลัว(fear)  อย่าทำให่้สองสิ่งนี้ครอบงำจิตใจของคุณ เพราะมันจะทำให้คุณไม่สามารถเทรดได้ หมั่นฝึกฝนเทรดให้เป็นระบบ เทรดตามแผน หรือระบบเทรดที่คุณได้เตรียมไว้ จัดการ กับ การกำหนดจุดเข้า ( Entry Position) จุดออก ( Exit Position)  ระบบการเงินของคุณ(Money Management) เพียงแค่นี้ คุณก็จะประสบความสำเร็จกับฟอเร็กได้

7. อย่าเทรดตามคนอื่น  ( Do not trade base on tips from other people)
ควรเทรดตามระบบ ตามสัญญาณ หรือตามแผนที่วางไว้ อย่าเทรดตามคนอื่นโดยเด็ดขาด วิเคราะห์ให้ดีทุกครั้งก่อนการเทรด

8. จดบันทึกการเทรด (Keep A trade journal)
เมื่อ คุณเปิดคำสั่ง ซื้อ (Buy/Long) ให้จด เหตุผลว่าเข้าเพราะอะไร และจดความรู็้สึกตอนนั้นไว้ เมื่อเปิดคำสั่ง ขาย ( sell/Short) ก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วนำมาวิเคราะห์ บันทึก ข้อผิดพลาด ในการเทรด ขำข้อผิดพลาดของคุณที่เกิดขึ้น นำมาเป็นบทเรียน แล้วอย่าทำตามนั้นอีก

9. เมื่อไม่แน่ใจไม่ต้องเทรด ( When in doubt, stay out)
เมื่อ คุณไม่มั่นใจหรือกำลังสับสน กับสภาวะของตลาดไม่แน่ใจว่าราคาจะวิ่งไปทางไหน ให้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องเทรด ออกไปเดินเล่นหาอย่างอื่นทำ แล้วก็รอตลาดในช่วงต่อไป คุณค่อยมาหาจังหวะการเทรดใหม่

10. อย่าเทรดมากเกินไป ( DO Not Over Trade)
ไม่ ควรเปิดเทรดมากเกินไป  ในการเทรดแต่ละครั้งควรมีออเดอร์ที่เปิดทิ้งไว้ ไม่เกิน 3 ออเดอร์ ถ้ามีมากเกินไป คุณอาจจะควบคุมไม่ได้ หรือาจจะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเมื่อตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง  ดังนั้นอย่า เปิดเทรดจนมากเกินไป


ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,131.0.html

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

Forex กับการ Send Order

Forex Send Order คือ การส่งคำสั่งซื้อ หรือการลงเงินเพื่อเล่นสกุลเงินใด สกุลเงินหนึ่งที่เราจะเล่น ก่อนที่เพื่อนๆ จะสร้างรายได้จาก Forex เพื่อนๆ ต้องใช้คำสั่งซื้อเป็นเสียก่อน เพราะคำสั่งซื้อใน Forex จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ เพื่อนๆ สามารถเลือกใช้คำสั่งไหนก็ได้แล้วแต่เหตุผลที่เราวิเคราะห์ออกมา และคำสั่งซื้อ 2 แบบที่ว่าคือ Long และ Short มันมีความหมายว่าอย่างไร เรามาดูกัน

Long คือ
การ ซื้อในราคาต่ำ เพื่อที่จะขายในราคาที่สูงกว่า เช่น ถ้าตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น แล้วเราเล่น EURO/USD และถ้าเราคิดว่า ค่าเงินตัวนี้มันจะพุ่งขึ้นสูงกว่านี้อีก เราก็ Long หรือซื้อแบบ Longไว้ เมื่อเราซื้อไว้แล้ว ถ้ามันยิ่งขึ้นสูงมากเท่าไร เราก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้นเช่นกัน

Short คือ
การ เล่นตอนที่ตลาดขาลง เช่น ถ้าเราเล่น EURO/USD แล้วตลาดขณะนั้นเป็นขาลง และเมื่อเราวิเคราะห์แล้วว่า มันยังจะลงต่อไปเรื่อยๆ ให้เราใช้คำสั่งซื้อ Short และเมื่อเราซื้อแล้ว ยิ่งตลาดลงเท่าไร เราก็ยิ่งรวยมากขึ้นเท่านั้น


- ดังนั้น เราจึงต้องวิเคราะห์ตลาด และกราฟให้ดี ช้าไม่ว่ากัน แต่เร็วแล้วหมดตัวนี่ซิแย่แน่ๆ และก่อนจะใช้คำสั่ง สั่งซื้อกัน เรามาดูรายละเอียดของตรางสั่งซื้อกันก่อนนะ

- Instrument - สกุลเงิน แล้วแต่ว่าเราชอบแบบไหน
- Buy/Sell - คือ การที่คุณจะ ซื้อ หรือ ขาย
- Price - ราคา
- Price type - ชนิด
- Duration - ระยะเวลา
- Duration type - ชนิดของระยะเวลา
- Quantity - จำนวน
- Quantity type - ชนิดของจำนวน
- Exist stop loss – ตั้งค่าให้ขายออกในกรณี หุ้นราคาตก เพื่อลดการขาดทุน
- Exit target – ตั้งค่าให้ขายอัตโนมัติ เมื่อได้ระดับราคาที่เรากำหนด
- Desk - ชนิดของตังที่ลง (จริงหรือปลอม) ถ้า Virtual trading คือเงินปลอม ให้หัดเล่นฝึกฝีมือ แต่ถ้าเป็นLive trading คือเงินจริง
- Text – ข้อความ ไว้ใส่ note ช่วยเตือนความจำ ก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงค่าอะไร ให้ละไว้

วันนี้ เราก็ได้รู้จัก คำสั่งซื้อ ของ Forex กันแล้ว เมื่อเข้าใจบ้างแล้วก็เริ่มเทรดค่าเงินกันได้เลย แต่เราต้องบอกไว้ก่อนนะ ว่าอย่าใจร้อนเล่นเงินจริง ให้เล่นเงินปลอมเพื่อให้ได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นก่อน แล้วหลังจากนั้นก็แล้วแต่คุณ คิดว่าน่าที่จะเสี่ยงหรือเปล่า

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,59.0.html

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การเทรด Forex Exness แบบยั่งยืน

การเทรด Forex ให้ได้กำไร  มีองค์ประกอบ 3 อย่าง ที่จะทำให้มีกำไรในการเทรด Forex แบบยั่งยืน

1. Forex Trading System (ระบบเทรด) มีความสำคัญ 10%
เพื่อนๆ ควรหาระบบเทรด ที่เหมาะสมกับตัวเองให้เจอ ควรเป็นระบบที่ทน Drawdown ได้ ที่สำคัญเมื่อมีระบบแล้วก็ต้องทำตามให้ได้

2. Money Management (การบริหารเงิน) มีความสำคัญ 30%
เมื่อ มีระบบเทรดแล้ว Money Management ก็จะปรากฎให้เห็นเอง ว่าเราจะจัดการกับเงินทุนยังไง ให้เหมาะสมกับข้อมูลระบบเทรดที่มี เช่น เรามีข้อมูลว่าระบบของเรามีโอกาศเสียติดๆ กัน เราก็ต้องลงเงินในจำนวน % น้อยๆ มี Stop loss อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อจะทำให้ไม่ทำให้พอร์ตเสียหายมาก

3. Psychology (จิตวิทยา) มีความสำคัญ 60%
ในการเทรด Forex การ ควบคุมจิตใจ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้เลยที่เดียว ต่อให้เพื่อนๆ มีสองข้อแรกดีแค่ใหน ถ้าขาดการควบคุมจิตใจไปก็ไม่สามารถจะเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้ ตัวที่เด่นๆ คือ ความโลภ กับความกลัว รองลงมาคือ ความมั่นใจเกินไป

ตัวอย่างเช่น เมื่อมีกำไรก็เกิดความโลภ เพิ่ม Positions มากขึ้น พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัว ลด Positions ลง พอตลาดถูกทิศก็กำไรน้อย (ไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้)

หรือ ราคาวิ่งเลยจุดเข้าไปไกลแล้ว แต่เกิดความโลภ เห็นราคาไหลจึงรีบเข้ากลางทาง พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัวพอระบบให้สัญญาณในครังต่อไปก็ไม่กล้าเปิดคำสั่งซื้อ ขาย พอตลาดถูกทิศก็ไม่มีกำไร (ไม่ทำตามระบบเทรด forex ที่ได้วางไว้)

หรือ เทรดได้ติดๆ กันหลายครั้งทำให้เกิดความมั่นใจเกินไป เพิ่ม Positions มากขึ้น โดยไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้ พอตลาดเปลี่ยนทิศก็คืนกำไรที่ได้มาไปจนหมดในครั้งเดียว

ดังนั้นเพื่อนๆ ที่ซื้อขายเอาไว้ตามระบบก็คอยออกตามระบบ ใครที่ตกรถก็นั่งดูไปก่อน อย่าเข้ามาในตลาดขณะที่ไม่ใช่เวลาซื้อขาย

เล่น forex แบบสบายๆ มีสัญญาณซื้อก็ซื้อ มีสัญญาณขายก็ขาย พยายามอย่าคิดมาก เล่นตามระบบที่วางไว้ แล้วทำกำไรตามระบบ ไปเรื่อยๆดีกว่า

ข้อสำคัญที่สุดคือมีวินัยในการ Stop loss เพราะถ้าหากคาดการผิด จะได้ไม่เสียหายมาก แต่ถ้าถูกทาง ก็ Let profit run


"อยู่รอดให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำกำไร"



ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,103.0.html