แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Trend แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Trend แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Moving Average Convergence Divergence (MACD)

Moving Average Convergence Divergence (MACD)


 MACD เป็นเครื่องมือที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับราคา (TREND FOLLOWING) สามารถใช้วัดระดับ (DEGREE) ตลาดว่าเป็นตลาดขาขึ้น หรือตลาดขาลง

ค่ามตรฐานสำหรับ MACD อยู่ที่ 12,26,9 ผู้เทรดสามารถใช้ MACD เพื่อช่วยในการระบุพฤติกรรมของเทรนหรือราคาได้เช่น ราคากำลังเป็นเทรน

ราคากำลังชะลอตัวหรือสะสมแรง หรือ ราคากำลังจะกลับตัว MACD มีส่วนประกอบอยู่ 3 อย่างคือ


1. เส้น Moving Average
2.แท่ง Histogram
3.เส้น Zero Line


 MACD แบบ Histogram สามารถบอกผู้เทรดได้ถึงภาวะของเทรนซึ่งมีอยู่ 3 สถานะคือ

1. สภาวะที่กราฟเป็นเทรน

2. สภาวะที่กราฟชะลอตัว

3. สภาวะที่กราฟกลับตัว


สัญญาณ จาก MACD แบบ Histogram ที่บ่งบอกว่าราคาเป็นเทรนขึ้น (UPTREND) เมื่อกลุ่มของแท่ง Histogram สามารถยืนเหนือเส้น Moving Average

ใน MACD ได้และเส้น Moving Average ใน MACD และกลุ่มของ Histogram สามารถยืนเหนือเส้น Zero Line ได้ จากนั้นแท่ง Histogram ลู่ขึ้นเรื่อย ๆ


 สัญญาณจาก MACD แบบ Histogram ที่บ่งบอกว่าราคากำลังชะลอตัว (UPTREND SIDEWAY) กลุ่มของ Histogram อยู่ต่ำกว่าเส้น Moving Average

ใน MACD และเส้น Moving Average ใน MACD และกลุ่มของ Histogram สามารถยืนเหนือเส้น Zero Line ได้


 สัญญาณจาก MACD แบบ Histogram ที่บ่งบอกว่าราคากำลังกลับตัวจากเทรนขึ้นเป็นลง (Reversal) เมื่อกลุ่มของ Histogram อยู่ต่ำกว่าเส้น
Moving Average ใน MACD จากนั้นแท่ง Histogram ลู่ลงเรื่อย ๆ และเส้น Moving Average ใน MACD และกลุ่มของ Histogram

สามารถยืนอยู่ใต้เส้น Zero Line

 วิธีการเทรดจาก MACD

ผู้เทรดไม่จำเป็นต้องรอให้ Histogram หรือเส้น Moving Average ใน MACD ตัด Zero Line เมื่อเห็นแท่ง Histogram

เริ่มตัดกับเส้น Moving Average ผู้เทรดสามารถเทรดตามทางนั้นได้เลยครับ เพราะมันจะเป็นการเข้าที่ภาวะราคาชะลอตัวพอดี


ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,565.0.html


Ichimoku Kinko Hyo

Ichimoku Kinko Hyo


 Ichimoku ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการดูแนวโน้มของราคาหรือ Trend ตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่นเช่น เมื่อเส้น Tenkan Sen ตัดกับเส้น Kijun Sen

แปลว่าราคาจะเปลี่ยนแนวโน้มซึ่งเหมือนกับการตัดกันของเส้น Moving Average เป็นต้น Ichimoku ประกอบไปด้วยเส้น 5 เส้นคือ
1.Senkou Span A
2.Senkou Span B
3.Tenkan Sen
4.Kijun Sen
5.Chinkou Span
***ระหว่างเส้น Senkou Span A และ Senkou Span B จะมีจุดไข่ปลาที่มีชื่อเรียกว่า Kumo***


 กลุ่มที่ 1: Senkou Span

Senkou Span จะถูก Shift ไปไว้ด้านหน้าของราคาเพื่อคำนวนหาแนวรับแนวต้านให้ราคาโดยคำนวนจาก High Open Low Close ของแท่งเทียน
ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อพยากรณ์อนาคตSenkou Span ประกอบไปด้วย

1.Senkou Span A

2.Senkou Span B

3.Kumo

หาก Senkou Span A อยู่สูงกว่า Senkou Span B หมายความว่าราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือกำลังเป็นเทรนขึ้น
หาก Senkou Span B อยู่สูงกว่า Senkou Span Aหมายความว่าราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาลงหรือกำลังเป็นเทรนลง

Kumo ทำหน้าที่เป็นเหมือนจุดสมดุลของเทรน ถ้าราคาวิ่งอยู่ใน Kumoแปลว่าราคากำลังสะสมแรง ผู้เทรดจะต้องรอให้ราคาทะลุ Kumo ออกมาก่อนจึงจะสามารถเทรดได้


 กลุ่มที่ 2: Tenkan Sen และ Kijun Sen

การดู Tenkan Sen และ Kijun Sen ใช้หลักการเดียวกันกับ Moving Average Crossover หรือการตัดกันของเส้น Moving Average

ถ้าเส้น Tenkan Sen อยู่เหนือ Kijun Sen แสดงว่าแนวโน้มของราคากำลังเป็นเทรนขึ้น

ถ้าเส้น Kijun Sen อยู่เหนือ Tenkan Sen แสดงว่าแนวโน้มของราคากำลังเป็นเทรนลง

เส้น TenkanSenจะวิ่งเร็วกว่าเส้น KijunSenเสมอ


 กลุ่มที่ 3: Chinkou Span


Chinkou Span เป็นเส้นที่ถูก Shift ไปไว้ด้านหลังของราคาแต่การวิ่งของเส้น Chinkou Span จะเหมือนราคาทุกประการ วิธีการดูเส้น Chinkou Span คือ

ถ้าเส้น Chinkou Span ตัดแท่งเทียนในอดีตขึ้นและยืนอยู่เหนือแท่งเทียนได้ หมายความว่า แนวโน้มของราคาเป็นเทรนขึ้น

ถ้าเส้น Chinkou Span ตัดแท่งเทียนในอดีตลงและยืนอยู่ใต้แท่งเทียนได้ หมายความว่า แนวโน้มของราคาเป็นเทรนลง


 
 
 
ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,563.0.html


วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประเภทของการเทรด (Type of Trading)

   การเทรดฟอเร็กซ์ (Forex) นั้นจะแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็นสองประเภทคือ
1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค ( Technical Analysis)
2.การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน (Fundamentai Analysis)


     เรามาดูการวิเคราะห์ทางเทคนิคกันก่อนนะครับ

     การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการศึกษาและเรียนรู้การเคลื่อนที่ของราคา  การวิเคราะห์ทางเทคนิค ก็คือการวิเคราะห์แนวโน้มของกราฟนั่นเอง โดยที่เราศึกษาจากประวัติของกราฟย้อนหลังเพื่อนำมาใช้ในการตัดสินกับกราฟปัจจุบัน หาตำแหน่งของราคาที่จะไป หาแนวรับ แนวต้าน จากราคาเก่าๆที่มันเคยสร้างจุดสูงสุด และจุดต่ำสุดไว้ โดยการดูที่กราฟ และเป็นการศึกษารูปแบบของกราฟที่ได้กำหนดมาแล้ว ว่ากราฟเป็นรูปแบบไหน มีแนวโน้มขึ้นหรือลง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถใช้วิเคราะห์ในการเทรดได้

     สิ่งสำคัญที่สุดที่เราจำเป็นต้องศึกษาในการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็คือ แนวโน้ม หรือที่เรียกว่า Trend ซึ่งก็มีคำกล่างที่ว่า The Trend is your friend แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ พูดง่ายๆก็คือ การเทรดและวิเคราะห์ตามแนวโน้มนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อไรก็ตามที่คุณวิเคราะห์ทางเทคนิคได้แล้วแล้วเทรดตามแนวโน้ม คุณก็จะสามารถทำกำไรจากตลาดฟอเร็กซ์ได้เป็นอย่างดี
การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็แบ่งย่อยได้อีก สองประเภทคือ การวิเคราะห์บนกราฟ และการวิเคราะห์โดยใช้ Indicators


     1.การวิเคราะห์บนกราฟ หรือผมอาจจะใช้ศัพท์บ้านๆคือ การวิเคราะห์กราฟเพียวๆ กราฟเปล่าๆ ก็คือการดูการเคลื่อนที่ของราคา เราสามารถวิเคราะห์ได้โดยใช้ หลักการดูแท่งเทียน (Candle Stick Chart ) การดูรูปแบบของกราฟ (Chart pattern ) การนับคลื่นโดยใช้ทฤษฎีของอีเลียต (ELLIOTT WAVE THEORY) การหาระดับแนวรับแนวต้านโดยใช้ Fibonacci และ จุดสูงสุดต่ำสุดที่ผ่านมา 

     2.การวิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือชี้วัด (Indicator) การใช้ตัวชี้วัดหรือ Indicator นี้จะเป็นการวิเคราะห์ย้อนหลังกราฟ โดยอินดิเคเตอร์จะแสดงแนวโน้มหลังราคาเสมอ เราอาจจะใช้คำว่าคาดการณ์ ว่าราคาต้องขึ้น หรือลง จากอินดิเคเตอร์ เช่น ราคาได้ลงแล้ว แล้วอินดิเคเตอร์ชี้ลง เราก็อาจจะ Sell หรือ ราคาขึ้นแล้ว อินดิเคเตอร์ชี้ขึ้น เราก็อาจจะ Buy การวิเคราะห์โดยใช้อินดี้นี้ เป็นการวิเคราะห์ที่ง่ายที่สุด และสามารถทำกำไรได้



     การวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) 

     การวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยพื้นฐานก็คือการวิเคราะห์แนวโน้มของเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ หรือวิเคราะห์แนวโน้มของเศรษฐกิจของสหรัฐ เพราะเศรษฐกิจของสหรัฐส่งผลไปทั่วโลกนั่นเอง  การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเราสามารถวิเคราะห์ได้โดยการดูข่าวของประเทศนั้นๆ ถ้าข่าวของประเทศนั้นออกมาดี มีทิศทางที่ดีขึ้น ค่าเงินของประเทศนั้นก็จะดีขึ้น  แต่ถ้าปัจจัยพื้นฐานของประเทศนั้นแย่ลง ค่าเงินของประเทศนั้นก็จะแย่ลงเช่นกัน สมมติว่าเราเล่นค่าเงิน EUR/USD ถ้าปัจจัยพื้นฐานของ กลุ่ม Euro ออกมาดี ก็จะทำให้ EUR/USD พุ่งขึ้น แต่ถ้าปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มยูโร ออกมาไม่ดี กราฟ EUR/USD ก็จะลง

     การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค ควรดำเนินไปด้วยกันสำหรับเทรดเดอร์ เราไม่ควรเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก ก็ควรดูข่าวบ้าง ว่าวันนี้มีข่าวอะไร แนวโน้มของข่าวนั้นจะบวกหรือลบ ตรงกับที่เราวิเคราะห์ทางเทคนิคมั้ย แล้วเครื่องมือของเราบ่งบอกอะไรบ้าง และถ้าวิเคราะห์ข่าว ก็ควรจะดูเทคนิคไว้บ้าง แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ พวกที่วิเคราะห์ข่าว มักจะไม่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเลย เพราะพวกนี้มั่นใจกับข่าวที่จะเกิดขึ้นและเทรดตามข่าวนั้นๆ แต่โดยความเห็นส่วนตัวผมว่า ควรจะดูไว้บ้าง เพราะบางครั้ง ข่าวออกมาบวก แต่กราฟวิ่งลงก็มีครับ

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,89.0.html